ตอนที่ 455 ความลับของทะเลราตรี
เห็นหลี่ฉีเย่กลายเป็นเงียบขรึม หวังเจียงฟู่รีบกล่าวอย่างกังวล " นายท่านได้โปรดช่วยเหลือข้าน้อยที่ต่ำต้อยด้วย ไม่ว่าข้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ข้าน้อยจะตอบแทนนายท่านอย่างงาม ข้าน้อยรู้จักสถานที่ฝังสมบัติในสุสานใหญ่ มันมีแม้แต่สิ่งของศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ตราบใดที่ท่านทำตามคำขอของข้าน้อย ข้าน้อยแน่นอนว่าจะบอกที่ตั้งของมันให้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยสั่นสะท้าน มีข่าวลือเสมอว่ามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์หลับใหลอยู่ในสุสานใหญ่ แต่ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีคนได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว หวังเจียงฟู่นั้นรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
" หวังเจียงฟู่อ่าหวังเจียงฟู่ เจ้านั้นสบประมาทข้าเกินไป " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย " หากข้าต้องการสมบัติในสุสานใหญ่ ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงสมบัติที่ถูกฝัง ข้ากระทั้งไปเอาสมบัติจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ตราบที่ข้าต้องการไม่มีสิ่งในสถานที่นี่ที่ข้าไม่สามารถเอาไปได้ เจ้ารู้ไหมทำไมข้าถึงพาคนออกจาสุสานใหญ่ในปีนั้น ? นั้นเพราะว่าเขามีความสามารถที่ดี "
" ข้าน้อยคนนี้ช่างโง่เง่าและไม่รู้ภูเขาไท่ซานยิ่งนัก ! " หวังเจียงฟู่รีบตบหน้าผากตัวเองและเอ่ย " ข้าน้อยคนนี้ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้และทำเรื่องขายหน้าแล้ว "
" เอาละหวังเจียงฟู่ หยุดเล่นละครซะ เจ้าคิดว่าข้ามองเจ้าไม่ออก ? " หลี่ฉีเย่โบกมือและเอ่ย
" ข้าน้อยรู้ดีว่านายท่านเป็นตัวตนอมตะผู้อยู่เหนือเก้าโลกและต้องอภัยให้กับความผิดพลาดของข้า " หวังเจียงฟู่ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าได้พบกับคนที่ตามหา ดังนั้นเขาจึงรีบดึงดูดหลี่ฉีเย่ " ความรักและเมตตาของนายท่าน เหมือนกับแม่น้ำที่ไม่สิ้นสุด..."
" หยุดคำสรรเสริญของเจ้า " หลี่ฉีเย่โบกมือเพื่อให้หวังเจียงฟู่หยุดกระดิกหางของเขา
หวังเจียงฟู่นั้นบังคับให้ตัวเองยิ้มและถูมือไปมาเพื่อรอคำตอบของหลี่ฉีเย่
หลี่ฉีเย่ยังคงเงียบ เขารู้ว่าเรื่องนี้จะทำลายกฏของสุสานใหญ่ แม้ว่าหวังเจียงฟู่จะแตกต่างจากจักรพรรดิอมตะหมิงตู่ สุดท้ายมันไม่มีอะไรเสียประโยน์สำหรับสุสานใหญ่
มองไปยังดวงตาของหวังเจียงฟู่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลี่ฉีเย่ถอนหายใจเบาๆ หวังเจียงฟู่นั้นเป็นเมล็ดพันธ์ที่ดีไม่ต้องคำนึกว่าเขาเป็นมนุษย์หรือผี
สุดท้ายหลี่ฉีเย่ก็เอ่ย " ข้าต้องลองไปพูดกับเจ้าตำหนักให้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หลังจากข้าทำธุระเสร็จ ข้าจะไปพูดเรื่องของเจ้า " ปีนั้นเขาได้ช่วยเหลือจักรพรรดิอมตะหมิงตู่ ดังนั้นตอนนี้เขาก็จะช่วยหวังเจียงฟู่เช่นกัน
หวังเจียงฟู่นั้นประสานมือและโค้งคำนับอย่างตื่นเต้น " ขอบคุณนายท่าน ! ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ ข้าจะจำความเมตตาของนายท่านครั้งนี้ไปชั่วชีวิต ! "
หลี่ฉีเย่โบกมือและเอ่ย " ลืมมันไปซะ นี้มันเป็นโชคชะตา ข้าจะไปพูดเรื่องของเจ้าหลังจากที่ข้าทำธุระเสร็จ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว "
" ข้าเข้าใจความตั้งใจของท่านและจะไม่มีทางลืมความเมตตานี้ไปชั่วชีวิต " หวังเจียงฟู่รีบเอ่ย " นายท่านต้องการไปทีไหน ? หากมันเป็นในสุสานใหญ่ เช่นนั้นข้าน้อยก็ยินดีจะเป็นวัวเป็นม้าให้ ข้าน้อยทำตามคำสั่งของนายท่านให้ดีที่สุด "
หลี่ฉีเย่หัวเราะเสียงดังก่อนจะมองไปยังหวังเจียงฟู่และเอ่ย " ทะเลราตรี - เจ้ายังต้องการไปหรือไม่ ? "
" ทะเลราตรี !? " หวังเสียงฟู่อุทานและเอ่ย " ทะเลราตรี...เอ่อ...ข้าเกรงว่าข้าคงไปไม่ได้ "
หลี่ฉีเย่ยิ้มเยาะเย้ยและเอ่ย " ข้านึกว่าเจ้าจะมาเป็นวัวเป็นม้าให้ข้าและพาข้าไปทุกที่แม้ว่าจะต้องข้ามผ่านทะเลเพลิงซะอีก ? "
" นายท่านมันไม่ใช่ว่าข้าน้อยคนนี้ไม่เต็มใจ " หวังเจียงฟู่เอ่ยอย่างข่มขื่น " มันเป็นเพราะข้าไม่สามารถไปยังทะเลราตรีได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " ทำไมเหล่าความรู้สึกที่ไปยังทะเลราตรีไม่ได้ ? มันมีเหตุผลอะไรรึ ? "
หวังเจียงฟู่ตอบด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว " สำหรับกลุ่มความรู้สึกเช่นพวกเรา ทะเลราตรีนั้นเป็นแดนต้องห้าม พวกเราไม่สามารถไปได้ไม่เช่นั้นจะตาย "
" ทำไมสถานที่อื่นไม่เป็นเช่นนั้น ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยอย่างอยากรู้อยากเห็น
" ทะเลราตรีนั้นมีบางอย่างที่ปราบปรามพวกเราไม่ให้ไปที่นั้นได้ หากพวกเราไปที่นั้นไม่เพียงแต่จะถูกกำราบจากมันแต่จะกลายเป็นควันทันที "
" แล้วเกี่ยวกับผู้ดูแล ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม " ทำไมเขาถึงไม่ถูกปราบปราม ? "
หวังเจียงฟู่เอ่ยตอบ " ผู้ดูแลนั้นไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกับกลุ่มความรู้สึก แม้ว่าพวกเราจะเป็นสิ่งมีชีวิตในสุสานใหญ่ ผู้ดูแลนั้นต่างจากพวกเราอย่างสมบูรณ์ "
" ไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน ? หรือว่าพวกเจ้าจะแบ่งออกไปกลุ่มต่างๆ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยกลายเป็นอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลใหม่นี้
" ข้าไม่สามารถพูดได้ " หวังเจียงฟู่ส่ายหัวและเอ่ย " แม้ว่าผู้ต่ำต้อยคนนี้จะรู้หนึ่งหรือสองอย่าง ข้าไม่สามารถบอกได้ นายหญิงโปรดให้อภัยด้วย "
ถูกเรียกว่า ' นายหญิง ' เช่นนี้ ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความเขินอาย นางเหลือบมองไปยังนายน้อยด้านข้างแต่เขาก็ยังยืนอยู่อย่างสงบ
" อย่าได้ทำให้หวังเจียงฟู่ลำบาก เขาแน่นอนว่ารู้มาก แต่หากเขาพูด เจ้าตำหนักจะทำลายเขาทิ้ง " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย
" นายท่านนั้นกล่าวถูกต้อง ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่อยากพูดมันแต่นี้เป็นกฏของสุสานใหญ่ " หวังเจียงฟู่หัวเราะเสียงแห้งและเอ่ย " แม้ว่าข้าน้อยจะอยากช่วยนายท่าน แต่ข้าก็ไม่สามารถไปยังทะเลราตรีด้วยได้ "
" ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่ล้อเจ้าเล่น " หลี่ฉีเย่โบกมือของเขาและเอ่ย " เจ้าไม่สามารถตามไปยังสถานที่ที่ข้าต้องการจะไปได้ เพียงแค่รอข่าว ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ทันทีที่ทุกอย่างเสร็จ "
หวังเจียงฟู่โค้งคำนับด้วยความขอบคุณและจากไป
" นายน้อย พวกเราจะไปยังทะเลราตรีทำไม ? " หลังจากเขาจากไป ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม
" เพื่อไปดูบางอย่าง " หลี่ฉีเย่มองไปยังเส้นขอบฟ้าและจมอยู่ในความเงียบ
ฉิวหรงว่านเสวี่ยรู้สึกว่าหลี่ฉีเย่นั้นมีอะไรบางอย่างอยู่ในหัวใจของเขา แต่นางนั้นไม่รู้รายละเอียดที่แน่นอน ดังนั้นนางจึงตามเขาไปอย่างเงียบๆ
หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยอารมณ์ " พวกเราไปยังทะเลราตรีกัน "
เขานั้นได้รับกุญแจของหลุมฝังศพแห่งลางร้ายมาแล้วดังนั้นเขาจะเข้าไปในเวลาใดก็ได้ แต่เขาต้องการไปดูทะเลราตรีก่อน เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นมีข้อจำกัดมากเกินไป มันเป็นหน้าที่หลักของเขาในการปกป้องสุสานใหญ่ เมื่อมีบางอย่างหลุดอออกจาการควบคุม ปีศาจและความชั่วร้ายอาจจะโผล่ออกมา
แม้ว่า่เจ้าตำหนักนั้นต้องการจะลงมือเอง แต่หลี่ฉีเย่ไม่ต้องการ เขาเลยจำทำบางอย่างแทนเจ้าตำหนักเอง !
ฉิวหรงว่านเสวี่ยติดตามหลี่ฉีเย่ไปยังทะเลราตรี แต่เขานั้นไม่รีบร้อน เขานั้นเดินไปอย่างใจลอยราวกับกำลังจมอยู่ในความคิด
เมื่อพวกเขามาถึงทะเลราตรี มันก็เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนจำนวนมากมาทีนี่ ในเวลานี้ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ในสุสานใหญ่ มากกว่าเวลาปกติถึงสิบเท่า
เหล่าผู้ฝึกตนล้วนมาที่นี่เมื่อรู้ว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ฉิวหรงว่านเสวี่ยเองก็คิดว่าการเปลี่ยนแปลงของทะเลราตรีครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง
นางนั้นเห็นผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและรู้ตัวตนของพวกเขาบางคนและเอ่ยอย่างประหลาดใจ " ดินแดนเมฆเหิน . แม่น้ำเขียว , หมอกลึกลับ ผู้คนจากนิกายทรงอำนาจล้วนมาที่นี่ "
" นี้มันไม่แปลก เหตุการณ์ทีท้าทายสวรรค์ได้เกิดขึ้น เพียงแค่รอและดูว่าหลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นเปิดเมื่อไหร่ ในเวลานี้ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าเชื่อสายทรงอำนาจในโลก กระทั้งเหล่าตาแก่จากดินแดนบรรพบุรุษก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ " หลี่ฉีเย่เอ่ยอธิบาย
" แม้แต่เทพจากดินแดนบรรพบุรุษก็ยังมารึ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกและอุทาน
" เทพ ? "หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะของเขาก่อนจะส่ายหัวและเอ่ย " เจ้าคิดว่าพวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะถูกเรียกว่าเทพ ? ข้าไม่ปฏิเสธว่าพวกเขาบางคนมีอำนาจที่น่าประทับใจ แต่พวกเขาไม่ใช่เทพ เป็นเพียงผีเท่านั้น ! "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยสั่นสะท้านและกระซิบ " นายน้อยท่านไม่สามารถเอ่ยเช่นนั้นได้ ดินแดนบรรพบุรุษนั้นมีสถานะที่สูงมากในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ หากพวกเขาได้ยินคำเหล่านั้น ข้าเกรงว่าท่านจะกลายมาเป็นศัตรูของ...เผ่าพันธ์ผีทั้งหมด "
" อย่าได้กังวล พวกเขาเป็นสาขาของปีศาจ ข้าไม่ได้สนใจพวกเขา ฮ่าฮ่า ข้ากำลังรอตัวตนเช่นพวกเขาให้ออกมา " หลี่ฉีเย่หัวเราะเย็นชา
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆและหยุดให้การแนะนำหลี่ฉีเย่ นางนั้นเอ่ยอย่างอยากรู้ " ดินแดนบรรพบุรุษนั้นอาจจะไม่ออกมา ข้าได้ยินว่าพวกเขาพึงเปิดเมื่อไม่นานมานี้และอาจจะปรากฏอีกหลายปีข้างหน้า "
" มันยังมีโอกาส " หลี่ฉีเย่อมยิ้ม " เชื่อข้าในเวลานี้ บางคนนั้นกำลังนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นสั่นสะท้าน เทพจากดินแดนบรรพบุรุษเป็นตัวตนแบบใด ? มีข่าวลือว่าปีนั้น เพื่อที่จะรับสมัครชานหยางเป็นลูกหลานของพวกเขา ดินแดนบรรพบุรุษส่งคนมา เผ่าพันธ์ผีจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนต้องไปตอนรับเขารวมถึงเชื้อสายจักรพรรดิอมตะ แม้แต่บัลลังก์หมื่นกระดูกก็ยังต้องนอบน้อม !
หัวใจของนางเริ่มที่จะเต้นเร็วขึ้นเมื่อคิดว่าเทพเหล่านั้นกำลังจะลงมา บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่หลี่ฉีเย่กล่าว เหตุการณ์ท้าทายสวรรค์กำลังจะเกิดขึ้น !
นางไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่นางรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ !
ในความจริง ขณะที่ทั้งสองกำลังอยู่ในตำหนักบุปผาบรรพชน มันมีข้อความที่กระจายไปทั่วโลกแล้ว...
เห็นหลี่ฉีเย่กลายเป็นเงียบขรึม หวังเจียงฟู่รีบกล่าวอย่างกังวล " นายท่านได้โปรดช่วยเหลือข้าน้อยที่ต่ำต้อยด้วย ไม่ว่าข้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ข้าน้อยจะตอบแทนนายท่านอย่างงาม ข้าน้อยรู้จักสถานที่ฝังสมบัติในสุสานใหญ่ มันมีแม้แต่สิ่งของศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ตราบใดที่ท่านทำตามคำขอของข้าน้อย ข้าน้อยแน่นอนว่าจะบอกที่ตั้งของมันให้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยสั่นสะท้าน มีข่าวลือเสมอว่ามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์หลับใหลอยู่ในสุสานใหญ่ แต่ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีคนได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว หวังเจียงฟู่นั้นรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
" หวังเจียงฟู่อ่าหวังเจียงฟู่ เจ้านั้นสบประมาทข้าเกินไป " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย " หากข้าต้องการสมบัติในสุสานใหญ่ ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงสมบัติที่ถูกฝัง ข้ากระทั้งไปเอาสมบัติจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ ตราบที่ข้าต้องการไม่มีสิ่งในสถานที่นี่ที่ข้าไม่สามารถเอาไปได้ เจ้ารู้ไหมทำไมข้าถึงพาคนออกจาสุสานใหญ่ในปีนั้น ? นั้นเพราะว่าเขามีความสามารถที่ดี "
" ข้าน้อยคนนี้ช่างโง่เง่าและไม่รู้ภูเขาไท่ซานยิ่งนัก ! " หวังเจียงฟู่รีบตบหน้าผากตัวเองและเอ่ย " ข้าน้อยคนนี้ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้และทำเรื่องขายหน้าแล้ว "
" เอาละหวังเจียงฟู่ หยุดเล่นละครซะ เจ้าคิดว่าข้ามองเจ้าไม่ออก ? " หลี่ฉีเย่โบกมือและเอ่ย
" ข้าน้อยรู้ดีว่านายท่านเป็นตัวตนอมตะผู้อยู่เหนือเก้าโลกและต้องอภัยให้กับความผิดพลาดของข้า " หวังเจียงฟู่ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าได้พบกับคนที่ตามหา ดังนั้นเขาจึงรีบดึงดูดหลี่ฉีเย่ " ความรักและเมตตาของนายท่าน เหมือนกับแม่น้ำที่ไม่สิ้นสุด..."
" หยุดคำสรรเสริญของเจ้า " หลี่ฉีเย่โบกมือเพื่อให้หวังเจียงฟู่หยุดกระดิกหางของเขา
หวังเจียงฟู่นั้นบังคับให้ตัวเองยิ้มและถูมือไปมาเพื่อรอคำตอบของหลี่ฉีเย่
หลี่ฉีเย่ยังคงเงียบ เขารู้ว่าเรื่องนี้จะทำลายกฏของสุสานใหญ่ แม้ว่าหวังเจียงฟู่จะแตกต่างจากจักรพรรดิอมตะหมิงตู่ สุดท้ายมันไม่มีอะไรเสียประโยน์สำหรับสุสานใหญ่
มองไปยังดวงตาของหวังเจียงฟู่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลี่ฉีเย่ถอนหายใจเบาๆ หวังเจียงฟู่นั้นเป็นเมล็ดพันธ์ที่ดีไม่ต้องคำนึกว่าเขาเป็นมนุษย์หรือผี
สุดท้ายหลี่ฉีเย่ก็เอ่ย " ข้าต้องลองไปพูดกับเจ้าตำหนักให้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หลังจากข้าทำธุระเสร็จ ข้าจะไปพูดเรื่องของเจ้า " ปีนั้นเขาได้ช่วยเหลือจักรพรรดิอมตะหมิงตู่ ดังนั้นตอนนี้เขาก็จะช่วยหวังเจียงฟู่เช่นกัน
หวังเจียงฟู่นั้นประสานมือและโค้งคำนับอย่างตื่นเต้น " ขอบคุณนายท่าน ! ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ ข้าจะจำความเมตตาของนายท่านครั้งนี้ไปชั่วชีวิต ! "
หลี่ฉีเย่โบกมือและเอ่ย " ลืมมันไปซะ นี้มันเป็นโชคชะตา ข้าจะไปพูดเรื่องของเจ้าหลังจากที่ข้าทำธุระเสร็จ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว "
" ข้าเข้าใจความตั้งใจของท่านและจะไม่มีทางลืมความเมตตานี้ไปชั่วชีวิต " หวังเจียงฟู่รีบเอ่ย " นายท่านต้องการไปทีไหน ? หากมันเป็นในสุสานใหญ่ เช่นนั้นข้าน้อยก็ยินดีจะเป็นวัวเป็นม้าให้ ข้าน้อยทำตามคำสั่งของนายท่านให้ดีที่สุด "
หลี่ฉีเย่หัวเราะเสียงดังก่อนจะมองไปยังหวังเจียงฟู่และเอ่ย " ทะเลราตรี - เจ้ายังต้องการไปหรือไม่ ? "
" ทะเลราตรี !? " หวังเสียงฟู่อุทานและเอ่ย " ทะเลราตรี...เอ่อ...ข้าเกรงว่าข้าคงไปไม่ได้ "
หลี่ฉีเย่ยิ้มเยาะเย้ยและเอ่ย " ข้านึกว่าเจ้าจะมาเป็นวัวเป็นม้าให้ข้าและพาข้าไปทุกที่แม้ว่าจะต้องข้ามผ่านทะเลเพลิงซะอีก ? "
" นายท่านมันไม่ใช่ว่าข้าน้อยคนนี้ไม่เต็มใจ " หวังเจียงฟู่เอ่ยอย่างข่มขื่น " มันเป็นเพราะข้าไม่สามารถไปยังทะเลราตรีได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " ทำไมเหล่าความรู้สึกที่ไปยังทะเลราตรีไม่ได้ ? มันมีเหตุผลอะไรรึ ? "
หวังเจียงฟู่ตอบด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว " สำหรับกลุ่มความรู้สึกเช่นพวกเรา ทะเลราตรีนั้นเป็นแดนต้องห้าม พวกเราไม่สามารถไปได้ไม่เช่นั้นจะตาย "
" ทำไมสถานที่อื่นไม่เป็นเช่นนั้น ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยอย่างอยากรู้อยากเห็น
" ทะเลราตรีนั้นมีบางอย่างที่ปราบปรามพวกเราไม่ให้ไปที่นั้นได้ หากพวกเราไปที่นั้นไม่เพียงแต่จะถูกกำราบจากมันแต่จะกลายเป็นควันทันที "
" แล้วเกี่ยวกับผู้ดูแล ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม " ทำไมเขาถึงไม่ถูกปราบปราม ? "
หวังเจียงฟู่เอ่ยตอบ " ผู้ดูแลนั้นไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกับกลุ่มความรู้สึก แม้ว่าพวกเราจะเป็นสิ่งมีชีวิตในสุสานใหญ่ ผู้ดูแลนั้นต่างจากพวกเราอย่างสมบูรณ์ "
" ไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน ? หรือว่าพวกเจ้าจะแบ่งออกไปกลุ่มต่างๆ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยกลายเป็นอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลใหม่นี้
" ข้าไม่สามารถพูดได้ " หวังเจียงฟู่ส่ายหัวและเอ่ย " แม้ว่าผู้ต่ำต้อยคนนี้จะรู้หนึ่งหรือสองอย่าง ข้าไม่สามารถบอกได้ นายหญิงโปรดให้อภัยด้วย "
ถูกเรียกว่า ' นายหญิง ' เช่นนี้ ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยความเขินอาย นางเหลือบมองไปยังนายน้อยด้านข้างแต่เขาก็ยังยืนอยู่อย่างสงบ
" อย่าได้ทำให้หวังเจียงฟู่ลำบาก เขาแน่นอนว่ารู้มาก แต่หากเขาพูด เจ้าตำหนักจะทำลายเขาทิ้ง " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย
" นายท่านนั้นกล่าวถูกต้อง ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่อยากพูดมันแต่นี้เป็นกฏของสุสานใหญ่ " หวังเจียงฟู่หัวเราะเสียงแห้งและเอ่ย " แม้ว่าข้าน้อยจะอยากช่วยนายท่าน แต่ข้าก็ไม่สามารถไปยังทะเลราตรีด้วยได้ "
" ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่ล้อเจ้าเล่น " หลี่ฉีเย่โบกมือของเขาและเอ่ย " เจ้าไม่สามารถตามไปยังสถานที่ที่ข้าต้องการจะไปได้ เพียงแค่รอข่าว ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ทันทีที่ทุกอย่างเสร็จ "
หวังเจียงฟู่โค้งคำนับด้วยความขอบคุณและจากไป
" นายน้อย พวกเราจะไปยังทะเลราตรีทำไม ? " หลังจากเขาจากไป ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม
" เพื่อไปดูบางอย่าง " หลี่ฉีเย่มองไปยังเส้นขอบฟ้าและจมอยู่ในความเงียบ
ฉิวหรงว่านเสวี่ยรู้สึกว่าหลี่ฉีเย่นั้นมีอะไรบางอย่างอยู่ในหัวใจของเขา แต่นางนั้นไม่รู้รายละเอียดที่แน่นอน ดังนั้นนางจึงตามเขาไปอย่างเงียบๆ
หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยอารมณ์ " พวกเราไปยังทะเลราตรีกัน "
เขานั้นได้รับกุญแจของหลุมฝังศพแห่งลางร้ายมาแล้วดังนั้นเขาจะเข้าไปในเวลาใดก็ได้ แต่เขาต้องการไปดูทะเลราตรีก่อน เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นมีข้อจำกัดมากเกินไป มันเป็นหน้าที่หลักของเขาในการปกป้องสุสานใหญ่ เมื่อมีบางอย่างหลุดอออกจาการควบคุม ปีศาจและความชั่วร้ายอาจจะโผล่ออกมา
แม้ว่า่เจ้าตำหนักนั้นต้องการจะลงมือเอง แต่หลี่ฉีเย่ไม่ต้องการ เขาเลยจำทำบางอย่างแทนเจ้าตำหนักเอง !
ฉิวหรงว่านเสวี่ยติดตามหลี่ฉีเย่ไปยังทะเลราตรี แต่เขานั้นไม่รีบร้อน เขานั้นเดินไปอย่างใจลอยราวกับกำลังจมอยู่ในความคิด
เมื่อพวกเขามาถึงทะเลราตรี มันก็เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนจำนวนมากมาทีนี่ ในเวลานี้ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ในสุสานใหญ่ มากกว่าเวลาปกติถึงสิบเท่า
เหล่าผู้ฝึกตนล้วนมาที่นี่เมื่อรู้ว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ฉิวหรงว่านเสวี่ยเองก็คิดว่าการเปลี่ยนแปลงของทะเลราตรีครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง
นางนั้นเห็นผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและรู้ตัวตนของพวกเขาบางคนและเอ่ยอย่างประหลาดใจ " ดินแดนเมฆเหิน . แม่น้ำเขียว , หมอกลึกลับ ผู้คนจากนิกายทรงอำนาจล้วนมาที่นี่ "
" นี้มันไม่แปลก เหตุการณ์ทีท้าทายสวรรค์ได้เกิดขึ้น เพียงแค่รอและดูว่าหลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นเปิดเมื่อไหร่ ในเวลานี้ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าเชื่อสายทรงอำนาจในโลก กระทั้งเหล่าตาแก่จากดินแดนบรรพบุรุษก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ " หลี่ฉีเย่เอ่ยอธิบาย
" แม้แต่เทพจากดินแดนบรรพบุรุษก็ยังมารึ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกและอุทาน
" เทพ ? "หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะของเขาก่อนจะส่ายหัวและเอ่ย " เจ้าคิดว่าพวกเขามีคุณสมบัติพอที่จะถูกเรียกว่าเทพ ? ข้าไม่ปฏิเสธว่าพวกเขาบางคนมีอำนาจที่น่าประทับใจ แต่พวกเขาไม่ใช่เทพ เป็นเพียงผีเท่านั้น ! "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยสั่นสะท้านและกระซิบ " นายน้อยท่านไม่สามารถเอ่ยเช่นนั้นได้ ดินแดนบรรพบุรุษนั้นมีสถานะที่สูงมากในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ หากพวกเขาได้ยินคำเหล่านั้น ข้าเกรงว่าท่านจะกลายมาเป็นศัตรูของ...เผ่าพันธ์ผีทั้งหมด "
" อย่าได้กังวล พวกเขาเป็นสาขาของปีศาจ ข้าไม่ได้สนใจพวกเขา ฮ่าฮ่า ข้ากำลังรอตัวตนเช่นพวกเขาให้ออกมา " หลี่ฉีเย่หัวเราะเย็นชา
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆและหยุดให้การแนะนำหลี่ฉีเย่ นางนั้นเอ่ยอย่างอยากรู้ " ดินแดนบรรพบุรุษนั้นอาจจะไม่ออกมา ข้าได้ยินว่าพวกเขาพึงเปิดเมื่อไม่นานมานี้และอาจจะปรากฏอีกหลายปีข้างหน้า "
" มันยังมีโอกาส " หลี่ฉีเย่อมยิ้ม " เชื่อข้าในเวลานี้ บางคนนั้นกำลังนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นสั่นสะท้าน เทพจากดินแดนบรรพบุรุษเป็นตัวตนแบบใด ? มีข่าวลือว่าปีนั้น เพื่อที่จะรับสมัครชานหยางเป็นลูกหลานของพวกเขา ดินแดนบรรพบุรุษส่งคนมา เผ่าพันธ์ผีจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนต้องไปตอนรับเขารวมถึงเชื้อสายจักรพรรดิอมตะ แม้แต่บัลลังก์หมื่นกระดูกก็ยังต้องนอบน้อม !
หัวใจของนางเริ่มที่จะเต้นเร็วขึ้นเมื่อคิดว่าเทพเหล่านั้นกำลังจะลงมา บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่หลี่ฉีเย่กล่าว เหตุการณ์ท้าทายสวรรค์กำลังจะเกิดขึ้น !
นางไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่นางรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ !
ในความจริง ขณะที่ทั้งสองกำลังอยู่ในตำหนักบุปผาบรรพชน มันมีข้อความที่กระจายไปทั่วโลกแล้ว...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น