ตอนที่ 474 ดับชีวิต

ทว่าหลี่ฉีเย่นั้นไม่ต้องการเวลาถึงสามนาที ไม่เขาไม่ต้องแม้เพียงสามวิ เพียงแค่การกระทืบหนึ่งครั้งรูปแบบต่างๆก็แตกออกทันที ฉากนี้นั้นน่าประทับใจอย่างมาก



การทำลายรูปแบบโดยที่ไม่ใช่เทคนิค , ทักษะ , สมบัติหรือสิ่งใด เขาใช้เพียงความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อที่จะทำลายมันอย่างง่ายที่สุดและโหดร้ายที่สุด วิธีการนี้แน่นอนว่าเป็นวิธีที่ยากที่สุดในการทำลายรูปแบบเพราะมันจะต้องใช้ความแข็งแกร่งที่มากกว่ารูปแบบนับสิบเท่า



ทว่าข้อเรียกร้องเหล่านี้ล้วนกลายเป็นไร้ประโยชน์ต่อหน้ากายาอเวจีอมตะ มันเต็มไปด้วยพลังงานไร้ที่สิ้นสุดจากเก้าดวงดาราและพรสวรรค์ ทำให้เข้าใช้อำนาจของกายาได้อย่างสูงสุด



วิธีการดังกล่าวนั้นเป็นวิธีการที่โหดร้าย , เรียบง่าย , และข่มขู่หัวใจของทุกคนที่ได้เห็น



ช่วงเวลานี้ เวลายังคงหยุดนิ่ง เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นเหมือยปลาตายก่อนจะถูกหลี่ฉีเย่จับยก ใบหน้าของเขาซีดขาว



ภาพนี้นั้นอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพที่ตรึงตาและใจของผู้ฝึกตนทุกคนที่อยู่ที่นี่ตลอดชีวิตของพวกเขา



เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นพยามจะขัดขืน แต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้ภายใต้การจับของหลี่ฉีเย่ ดวงตาของเขานั้นกลายเป็นหวาดกลัวมากขึ้นขณะที่เขาเริ่มจะหายใจไม่ออก



ทว่าเขาได้ใช้แรงสุดท้ายในการรวบรวมลมหายใจ หัวใจของเขาสั่นสะท้านเขานี้นฉี่ราดกางเกง นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับความตายอย่างใกล้ชิด ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าชีวิตตัวเองเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง



" เจ้า...เจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้กับข้าได้ ! " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์พยามจะที่เปล่งเสียง " พะ..พี่เขยข้า...ท่านตี๋เชา..เจ้า..ไม่สามารถ...ทำแบบนี้กับข้าได้...หากเจ้ากล้า..ทำอันตรายกับเส้นผมข้าแม้แต่นิดเดียว...พี่เขยข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า..ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ! "



ในช่วงเวลาสุดท้านของชีวิต เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์เลือกที่จะกล่าวถึงผู้ที่หนุนหลังเขา บางที่ชื่อเสียงของพี่เขยเขาอาจจะสามารถช่วยเขาได้



ทุกคนล้วนสูดลมหายใจลึก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องหน้าอับอายที่นำผู้ที่สนับสนุนเขาขึ้นมาอ้าง แต่ตี๋เชาก็เป็นความหวังสุดท้ายของเขาในเวลานี้



ชื่อเสียงของตี๋เช้าเป็นเหมือนกับสายฟ้าที่ดังติดหูผู้คน เขาเป็นหนึ่งในสามวีรบุรุษและมาจากบัลลังก์หมื่นกระดูก ตี๋เชานั้นเป็นชื่อที่ศักดิ์สิทธิ์และทำให้คนที่ได้ยินมักจะหวาดกลัว



ภายในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีขุมอำนาจหรือใครก็ตามกล้าไม่ไว้หน้าเขา แม้แต่ลูกหลานจากเชื้อสายทรงอำนาจก็ยังไม่กล้ายั่วยุเขา



ตี๋เชานั้นราวกับเป็นพระอาทิตย์ที่ส่องประกาย อนาคตของเขานั้นสดใสและมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะของโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลายเป็นจักรพรรดิอมตะ เขาก็ยังเป็นเจ้าของประเทศหรือได้รับฉายาศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นตัวตนที่สูงส่ง



ทุคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามล้วนเต็มใจที่จะตีสนิทกับบุคคลดังกล่าว



เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นน้องเขย ดังนั้นไม่ว่าเขาจะไร้ค่าขนาดไหนคนอื่นก็ยังต้องไว้หน้าตี๋เชา



ทุกคนอย่างรู้ว่าหลี่ฉีเย่จะทำอย่างไร หากเขาฆ่าเจ้าชายเขาก็จะต้องเป็นศัตรูกับตี๋เชา



" พี่เขยเจ้า ? " หลี่ฉีเย่ยิ้มอย่างไม่แยแสและเอ่ย " ตี๋เชา ? อ่า ลูกหลานของบัลลังก์หมื่นกระดูก ? "



เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์รีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเขาไว้อย่างรวดเร็วและเอ่ย " ถูกต้อง ตี๋เชาเป็นพี่เขยข้า จักรพรรดิอมตะในอนาคต ! "



" โอ้ว ? จักรพรรดิอมตะในอนาคต ? น่าประทับใจจริงๆ " หลี่ฉีเย่เอ่ยชื่นชม



" ทำ..ตัวให้ฉลาดและปล่อยข้าไปซะ ! " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นคิดว่าหลี่ฉีเย่ได้หวาดกลัวชื่อเสียงของพี่เขยเขา ดังนั้นเขาจึงกล่าวอย่างหยิ่งยโส " ตอนนี้...หากเจ้าปล่อยข้าไป...ข้าจะบอกให้พี่เขยข้าไว้ชีวิตเจ้า หากเจ้ากล้าลงมือ เขาจะฆ่าเจ้าในสามกระบวนท่า ! "



หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินเจ้าชายข่มขู่ หลี่ฉีเย่ส่ายหัวของเขาและเอ่ย " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์หน่อเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ เจ้าช่างเป็นขยะจริงๆ เจ้าบูชาเขาว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะในอนาคต..พี่เขยของเจ้าคือตี๋เชาใช่ไหม ? กล่าวตามตรง บิดาของเจ้าคนนี้ไม่รู้จักว่ามันเป็นใคร ดังนั้นมันไม่ได้มีตัวตนในสายตาข้า !"



" หากเขาเป็นจักรพรรดิอมตะแล้วยังไง ? กระทั้งจักรพรรดิอมตะที่แท้จริงก็ยังไม่กล้ายโสต่อหน้าบิดาคนนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงตัวบัดซบตี๋เชา ! "



ทุกคนนั้นอ้าปากค้างและเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มีคนน้อยมากในโลกมใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ที่กล้าจะกล่าวคำเหล่านี้ แม้แต่อัจฉริยะปีศาจก็ยังไม่กล้าพูดมันออกมา



ตอนนี้มีเด็กมนุษย์คนหนึ่งที่กล้าจะกล่าวอย่างหยิ่งยโสว่าไม่เห็นตี๋เชาอยู่ในสายตา ความหยิ่งยโสและจองหองของเขาหายากอย่างมากในโลกนี้



" เจ้า- ! " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นตกตะลึงและซีดขาว เขากรีดร้อง " เจ้า..พี่เขยข้าเป็น..."



" เอาละ ข้าพยามจะฟังมามากแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปหาเพื่อนของเจ้าแล้วตอนนี้ " หลี่ฉีเย่บีบมือของเขาเข้าด้วยกันพร้อมกับรอยยิ้ม สร้างเป็นเสียงกระดุกหักออกมา เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิืนั้นตายโดยไม่มีโอกาสกรีดร้องและสายตาเบิกกว้าง



หลี่ฉีเย่โยนศพเขาไปบนพื้นราวกับเป็นขยะชิ้นหนึ่ง เจ้าชายนั้นไม่มีทางเชื่อว่าหลี่ฉีเย่จะกล้าฆ่าเขา เขาไม่อยากจะเชื่อชื่อเสียงของพี่เขยเขาไม่เพียงพอที่จะหยุดผู้เยาว์มนุษย์ แน่นอนว่านี้เป็นช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่



ตอนนี้่ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความเงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก ร่างกายของเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นอนอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับ ขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ



น่าตกตะลึงยิ่ง ! หลี่ฉีเย่หักคอของเจ้าชายต่อหน้าทุกคน !



นี้เป็นการประกาศสงครามต่อตี๋เชา ! ไม่ว่าตี๋เชาจะเป็นคนที่มีเมตตาขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถปล่อยคนที่ฆ่าน้องเขยของเขาไปได้ !



นี้เป็นการเริ่มความบาดหม่างระหว่างตี๋เชาและหลี่ฉีเย่ และมีเพียงความตายเท่านั้นที่จะยุติเรื่องนี้ได้ ทุกคนนั้นสั่นสะท้านเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลังจากเห็นสงครามครั้งสุดท้ายของตี๋เชาไม่มีใครกล้ายั่วยุเขา



แต่ตอนนี้ มีผู้เยาว์มนุษย์คนหนึ่งกล้าที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำมาก่อน



หลี่ฉีเย่หันไปรอบๆก่อนจะมองไปยังผู้ฝึกตนผีรุ่นเยาว์ในโอเอซิสและเอ่ย " ยังมีใครต้องการจะพูดอะไรกับข้าอีกไหม ? " หลี่ฉีเย่ยิ้มและกล่าวอย่างผ่อนคลาย " หากก็โปรดพูด ข้าเป็นผู้ฟังที่ดีมากและยินดีรับคำแนะนำของคนอื่น "



เหล่าผู้ฝึกตนผีล้วนสั่นสะท้านอยู่ภายใน อัจฉริยะอย่างกลุ่มของนายน้อยกระดูกทองคำยังเป็นเพียงมดยามอยู่ต่อหน้าหลี่ฉีเย่ ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกเขา



ไม่นานก่อนหน้า พวกเขามองตายตรงหน้าเป็นเพียงมด แต่ตอนนี้พวกเขากับเป็นมดแทน พวกเขายังจะกล่าวอะไรได้อีก ? โดยเฉพาะต่อหน้าหลี่ฉีเย่



" ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่ามีคนจะทำลายเผ่าเงาหิมะ ? ขออภัยหากใครที่สนใจจะทำเช่นนี้นสามารถส่งข้อความหาข้าได้เลย ข้าไม่สนว่าพวกมันจะอยุ่เผ่าอะไร เผ่าร้อยกระดูกศักดิ์สิทธิ์ เผ่าผีแห่งธรรมหรือเผ่าอื่น หากมีใครกล้าจะทำลายเผ่าเงาหิมะ เช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมด แม้แต่บัลลังก์หมื่นกระดูก ! เหตุผลของข้านั้นง่ายมาก ใครก็ตามกล้าจะแตะต้องคนของข้า บิดาผู้นี้จะสังหารมันให้สิ้น ! "



หลายคนนั้นมองหน้ากันขณะที่พยามจะเข้าใจกับคำพูดที่หยิ่งยโสดังกล่าว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าพูดว่าจะทำลายบัลลังก์หมื่นกระดูก ไม่ต้องเอ่ยถึงมนุษย์ผู้เยาว์คนหนึ่ง



ทว่าไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยอะไรเมื่อยืนต่อหน้าหลี่ฉีเย่ สุดท้าการตายของอัจฉริยะก็เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ต่อต้านเขา



" ในเมื่อไม่มีใครมีอะไรจะกล่าวกับข้า เช่นนั้นก็แยกย้ายไปซะ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้ายินดีที่จะให้ข้าเข้าไปใช่หรือไม่ ? " หลี่ฉีเย่ถามด้วยรอยยิ้มกว้าง



ผู้ฝึกตนผีที่อยู่ในโอเอซิสรีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วราวกับพึงแตกรัง และลิงหนีตาย พวกเขานั้นไม่มีใครต้องการจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปและอยากจะออกไปให้ห่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้



หลี่ฉีเย่นำฉิวหรงว่านเสวี่ยเข้าไปในทะเลสาปและไม่มีใครกล้าที่จะหยุดพวกเขา แม้ว่าสมบัติกำลังจะออกมาแต่เผ่าพันธ์ผีไม่มีใครกล้าอยู่ ชีวิคของพวกเขามีค่ามากกว่าสมบัติ



ผู้ฝึกตนเผ่าอื่นเห็นหลี่ฉีเย่เดินเข้าไปยังทะเลสาปและแสงของมันส่องสว่างมากขึ้น บางคนนั้นพยามที่จะมอง



พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะแข่งขันหาสมบัติกับหลี่ฉีเย่ แต่พวกเขานั้นยากที่จะรับงับความอยากรุ้อยากเห็นเกี่ยวกับสมบัติได้



ฉิวหรงว่านเสวี่ยและหลี่ฉีเย่ขยับเข้าไปใกล้ทะเลสาปและมันส่องประกายมากขึ้น เมื่อยืนอยู่ภายในทะเลสาปจะสังเกตเห็นความเปล่งประกายของมันได้มากยิ่งขึ้น



" มันกำลังจะออกมา ? " หลายคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย " มันเป็นสมบัติแบบใดกัน ? "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่คิดเช่นนั้นเพราะทะเลสาปเปล่งประกายมากขึ้นเมื่อหลี่ฉีเย่เข้ามาใกล้ เมื่อหลี่ฉีเย่ยืนอยู่ข้างทะเลสาปมันก็เปล่งแสงสดใส



นี้ทำให้หลายคนตระหนกได้ว่ามันไม่มีสมบัติ แต่แสงนี้เปล่งประกายเพราะหลี่ฉีเย่



แม้ว่าแสงของทะเลสาปในขนาดเล็กจะส่องประกาย พื้นผิวของมันยังคงสงบ มันไม่เหมือนว่าสมบัติจะปรากฏออกมาแต่อย่างใด



ราวกับเขารู้ความคิดของนาง หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ย " ถูกต้อง มันไม่ใช่ว่าสมบัติกำลังจะออกมา แต่เป็นเพราะสิ่งนี้ " เขาทันใดนั้นก็หยิบเอาสิ่งของที่เป็นเหมือนยันต์ออกมา ทว่ามันไม่ใช่ยันต์มันเป็นชิ้นส่วนของกระดาษ มันเต็มไปด้วยอักษรที่ฉิวหรงว่านเสวี่ยไม่สามารถอ่านได้ มันดูเก่าแก่ราวกับอยู่มานานหลายปี...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้