ตอนที่ 482 กวาดผ่านเส้นทางโลหิต
" รางวัลยังคงเหมือนเดิม ใครก็ตามที่ฆ่าหลี่ฉีเย่ได้จะได้รับการคุ้มครองจากบัลลังก์หมื่นกระดูก ! " หลังจากการสนทนาในอากาศ เจ้าหญิงฟินิกซ์ก็ส่งข้อความนี้ออกไป
ผู้ฝึกตนหลายคนที่กำลังจะยอมแพ้กลายเป็นมีกำลังใจขึ้นที่จะได้รับการคุ้มครองจากบัลลังก์หมื่นกระดูก
ข้อความนี้ได้รับการตอบสนองจากหลี่ฉีเย่ทันที " ข้ายินดีตอนรับทุกคนที่ต้องการชิ้นส่วนร่างกายข้า หากพวกเจ้าคิดว่ามีความสามารถเช่นนั้นก็มารับเอากุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้ายและรางวัลนับจับไป อย่างได้กังวล ตราบใดที่พวกเจ้าฆ่าข้าได้ นิกายพันแม่น้ำหวนจะไม่ตามไปแก้แค้น ! "
คำประกาศของหลี่ฉีเย่ทำให้ทุกคนตกตะลึง นี้เป็นคำประกาศที่ราวกับว่าเขาไม่แยแสที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก
ผู้นำนิกายหนึ่งตกตะลึงจากข่าวนี้และเอ่ย " ชายคนนี้บ้าไปแล้ว เขายิ่งกระตุ้นผู้คนให้อยากฆ่าเขามากขึ้น ! "
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว หลายคนพยามจะหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในสภาวะที่เลวร้าย หลี่ฉีเย่นั้นมีนิกายพันแม่น้ำหวนหนุนหลังนี้เป็นการคุ้มกันที่ดี แต่การประกาศของเขาไม่ต่างจากการประกาศกับโลกว่า ตัวเขาเป็นไขมันหมูทุกคนสามารถมากินได้เลย
" เจ้าสารเลวนี้มันบ้าหรือมันคิดว่าตัวเองเป็นตัวตนอมตะ " องค์รักษ์เทพสวรรค์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
" นิกายพันแม่น้ำหวนจะไม่แก้แค้นจริงๆรึ ? " บรรดาคนที่กลัวตำแหน่งของหลี่ฉีเย่กลายเป็นมีความสุขจากเรื่องนี้
" เขาเรื่องเส้นทางที่ยากลำบากแทน ! เป็นทัศนคติที่น่าชื่นชม...มันช่างครอบงำผู้คนจริงๆ " ผู้นำคนหนึ่งเอ่ย " หากเขาต้องการที่จะยั่วยุทุกคนบนโลก มันจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของเผ่าพันธ์ผี หากฆ่าเขาไม่ได้ "
ทันใดนั้นหลายคนก็กระซับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น ขุมอำนาจทั้งหลายเตรียมพร้อมก่อนที่พวกเขาจะดำเนินการ
ผู้เชียวชาญจำนวนมากออกไปจากเผ่าเงาหิมะและเตรียมพร้อมโจมตีหลี่ฉีเย่ บางคนออกคำสั่ง " ไปเตรียมตัวด้านนอกเผ่าเงาหิมะ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นตัวตนอมตะ "
คนจำนวนนับไม่ถ้วนมาชุมนุมกันด้านนอกเผ่าเงาหิมะ ผู้เชียวชาญและผุ้นำนิกายจากขุมอำนาจล้วนมาอยู่ที่นี่
ไม่มีใครเคลื่อนไหวเป็นคนแรก พวกเขารอเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะหาประโยชน์
ประกาศของหลี่ฉีเย่ทำให้กลุ่มของฉิวหรงว่านเสวี่ยตกตะลึง นี้เป็นครั้งแรกที่เผ่าเงาหิมะตกตะลึ้งจากประกาศของคนที่หยิ่งยโสและกล้าจะก่อตัวเป็นศัตรูกับทั้งโลก
พวกเขานั้นถูกครองงำโดยหลี่ฉีเย่และเต็มไปด้วยความชื่นชม พวกเขารู้สึกว่าหลี่ฉีเย่เทียบได้กับสามวีรบุรุษ เขากล้าท้าทายคนทั้งโลกเพื่อเป้าหมายของเขา
" นี้ท่านบ้าไปแล้ว ? " แม้แต่หลานอวิ๋นจูก็ยังสะดุ้ง " ท่านยังเผชิญหน้ากับศัตรูไม่พออีกรึไง ? "
หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างใจเย็น " มีจำนวนมากก็ยิ่งไร้ค่า แต่ยิ่งมากก็ยิ่งดี มันถึงเวลาที่ข้าจะอาบเลือดให้ดาบของข้าแล้ว มันนานเกินไปจนข้ารู้สึกว่าร่างกายเกือบจะขึ้นสนิม "
กลุ่มของฉิวหรงว่านเสวี่ยกลายเป็นไร้คำพูด เพียงกลุ่มของเจ้าหญิงฟินิกซ์ก็น่ากลัสเพียงพอแล้ว แต่หลี่ฉีเย่ยังต้องการท้าทายผู้ฝึกตนที่เหลือทั้งโลก นี้เป็นการกระทำที่บ้าระห่ำเกินไป !
การทำเช่นนี้เป็นเหมือนการฆ่าตัวตายในสายตาคนอื่น พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรหากกล้าท้าทายผู้ฝึกตนทั้งโลก ? ไม่เว้นแม้แต่อัจฉริยะอย่างตี๋เชา ไม่ว่าใครก้ไม่มีชีวิตรอด !
" หัวของท่านนะสิที่ขึ้นสนิม ! " หลานอวิ๋นจูมองไปที่เขาและกล่าวอย่างไม่พอใจ " ประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์และบัลัลังก์หมื่นกระดูกยังไม่เพียงพอ ? ท่านอยากจะประกาศสงครามกับเผ่าพันธ์ผีที่เหลือทั้งหมดเลยหรือไม่ ? "
หลี่ฉีเย่โบกมือของเขาและเอ่ยสบายๆ " การตัดสินใจนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าแต่เป็นพวกเขา ข้าไม่สามารถช่วยได้หากมีคนต้องการเป็นศัตรูกับข้า หากพวกเขาไม่ต้องการที่จะมีหัวไว้บนบ่าอีกต่อ มันจะไม่โหดร้ายรึหากข้าไม่ช่วยส่งเสริมพวกเขา ? " หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย " นอกจากนี้จะเป็นอะไรหากข้าจะเผชิญหน้ากับเผ่าพันธ์ผีที่เหลือทั้งโลก ? ไม่ต้องเอ่ยถึงทั้งโลก แม้แต่เผชิญหน้ากับเผ่าพันธ์ผีทั้งเก้าโลกข้าก็ยังไม่แยแส ! "
ทุกคนล้วนอ้าปากค้างกับคำกล่าวที่เผด็จการนี้ ก่อนหน้านี้กลุ่มของผู้อาวุโสชินั้นคิดว่าหลี่ฉีเย่พูดใหญ่โตเพราะมีคนหนุนหลัง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่คิดว่าหลี่ฉีเย่เป็นเช่นนั้น พวกเขายิ่งสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหลี่ฉีเย่ เขาไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ?
หลานอวิ๋นจูมองไปยังหลี่ฉีเย่และเอ่ยอย่างขุ่นเคือง " นี้ท่านกลายเป็นคนบ้าการฆ่าไปแล้วรึ ? ท่านมักจะพูดถึงเรื่องของการสังหารหมู่และฆ่าอยู่ตอดลเวลา " หลานอวิ๋นจูรู้จักความโหดร้ายของหลี่ฉีเย่และรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี หลี่ฉีเย่กระทั้งวางแผนที่จะฆ่าพวกนางตอนที่อยู่ในนิกายพันแม่น้ำหวน และแน่นอนว่าเขาไม่แยแสการฆ่าเผ่าพันธ์ผี
" การฆ่าหนึ่งคนเป็นบาป , ฆ่าร้อยคนนั้นเป็นวีรบุรุษ , ฆ่าหมื่นคนนั้นเป็นราชัน , ฆ่าล้ายคนคือผู้เป็นจักรพรรดิ " หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างสงบ " นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเวลา ผู้ที่เป็นจักพรรดริอมตะไม่ใช่คนที่เหยียบกระดูกของคนอื่นขึ้นไปถึงบัลลังก์หรอกรึ ? จากเริ่มจนจบการฆ่าคนนับล้านทำให้พวกเขาเป็นจักรพรรดิ หากใครต้องการมุ่งมั่นไปถึงจุดนั้นพวกเขาต้องบดขยี้ศัตรูนับล้าน ! "
หลี่ฉีเย่มองไปยังหลานอวิ๋นจู " เส้นทางของจักรพรรดินั้นแคบ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู จะต้องมีฝั่งหนึ่งตาย แม้ว่าเจ้าจะไม่ฆ่าพวกเขา แต่เมื่อก้าวเข้ามายังเส้นทางนี้ศัตรูนับล้านก็ต้องการจะฆ่าเจ้า ดังนั้นแทนที่จะเป็นที่รองเท้าของคนอื่น ทำไมไม่ฆ่าพวกมันนับล้านเพื่อสังเวยชัยชนะแทน ? ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้จำแต่เพียงผู้ที่กลายเป็นจักรพรรดิอมตะและแบกเจตจำนงแห่งสวรรค์ ไม่มีใครจำหินลองเท้าของพวกเขา หลังจากกลายเป็นจักรพรรดิ การฆ่าล้านคนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่ใช่การกระทำที่บ้าคลั่ง "
หลานอวิ๋นจูนั้นฟังเงียบๆ นางนั้นเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถคู่เซียนและมีโอกาสเดินบนเส้นทางของจักรพรดริในอนาคต ดังนั้นนางจึงเข้าใจเหตุผลนี้ แม้ว่าท่านจะต้องการฆ่าหรือไม่ คนอื่นๆก็ต้องการจะฆ่าท่านเมื่อเดินบนเส้นทางจักรพรรดิ
" นี้เป็นเพียงการฝึกฝน " หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " มันไม่มีง่ายที่จะฆ่าคน คนหนึ่งสามารถก้าวสุ้เส้นทางได้เมื่อเข้าสนามรบที่แท้จริง มีเพียงประสบการณ์ที่ผ่านชีวิตและความตายเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาไปยังจุดสูงุสด แม้แต่ทักษะธรรมดาเมื่อถูกขัดเกลาในสนามรับมันก็ยังเป็นทักษะการฆ่าที่โหดเหี้ยมได้ "
" เส้นทางของจักรพรรดิอมตะไม่เพียงแต่เป็นการเรียนรู้ผ่านศพของศัตรูนับไม่ถ้วน " หลี่ฉีเย่เอ่ยช้าๆ " แต่พวกเขาจะต้องผ่านสนามรบและเข้าใจตัวเองเพื่อที่จะดึงศักยภาพสูงสุดออกมา พวกเขาจะต้องดึงการบ่มเพาะและฝึกฝนคัมภีร์ไปให้ถึงจุดสูงสุดเพื่อรอดชีวิต "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นกำลังไตร่ตรองคำกล่าวของหลี่ฉีเย่ นางนั้นไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน นี้จึงเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆให้แก่นาง
หลานอวิ๋นจูนั้นมีความรู้ที่ลึกซึ้งกว่าฉิวหรงว่านเสวี่ย ดังนั้นนางจึงเข้าใจสิ่งที่หลี่ฉีเย่เอ่ยมากกว่า และอดไม่ได้ที่จะเอ่ย " ระวังไว้เถอะ ท่านจะตกลงมาก่อนจะไปถึงระดับจักรพรรดิอมตะ " นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวเก้อเขิน
" วางใจเถอะ ตลอดเก้าชั้นฟ้าและสิบแผ่นดิน ข้าเพียงผู้เดียวที่เป็นตัวตนอมตะ ! " หลี่ฉีเย่ประกาศอย่างไม่แยแส
กลุ่มของผู้อาวุโสชิอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับคำพูดเหล่านี้ คนอื่นไม่มีใครที่จะกล้าพูดสิ่งนี้ แต่หลี่ฉีเย่กล่าวมันอย่างเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
หลานอวิ๋นจูกล่าวอย่างเหน็มแนม " โอ้ว ท่านลุง อย่าระเบิดความมั่นใจของท่านมากเกินไปและซ่อนความหน้าหนาของท่านไว้บาง "
หลี่ฉีเย่อมยิ้มและเอ่ย " รอดูเถอะ รอดูข้านำชัยชนะกลับมา "
หลานอวิ๋นจูจ้องหน้าเขาและเอ่ยอย่างใจเย็น " ข้ารู้ ข้าจะรอท่าน " นางนั้นมั่นใจในตัวหลี่ฉีเย่และเชื่อว่าเขาจะสร้างปาฏิหารย์
* * *
มีเนินเขาอยู่ด้านนอกของเผ่าเงาหิมะ ในขณะที่มันเต็มไปด้วยเงาไร้ที่สิ้นสุด มันเป็นฝูงชนขนาดใหญ่จากทุกระดับและทุกเผ่าพันธ์
คนจำนวนมากนี้สร้างเป็นฉากที่ลึกลับ บางคนลอยบนท้องฟ้า บางคนอยู่บนภูเขา บางคนซ่อนในเงามืด
ผู้ฝึกตนที่มาวันนี้ก้เพื่อรอดหลี่ฉีเย่ปะทะกับคนนับหมื่นหรือมากกว่า ทุกคนมีจุดมุ่งหมายในการฆ่าหลี่ฉีเย่ รางวัลของเจ้าหญิงฟินิกซ์นั้นน่าดึงดูดเกินไป หลี่ฉีเย่นั้นมีกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ไม่เพียงแต่จะเป็นที่ต้องการของผู้นำนิกายและเหล่าผู้อาวุโส แม้แต่เหล่าผู้เยาว์ก็ต้องการจะรับมันด้วย
เหล่าผู้อาวุโสจากนิกายขนาดใหญ่นั้นไม่ได้สนใจ เม็ดยาราชาหรือสมบัติบรรพชนเที่ยงธรรม แต่กุญแจนี้ทำให้พวกเขาน้ำลายไหล
แน่นอนผู้เยาว์บางคนนั้นมาที่นี่เพราะชื่อเสียง ในเวลานี้หลี่ฉีเย่นั้นโด่งดังอย่างมากหลังจากฆ่ากลุ่มของเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับฉายา จอมโหดเหี้ยมแห่งยุค ชื่อเสียงของเขาเทียบได้กับยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยวและยอดเซียนผีแมลงจากเชื้อสายจักรพรรดิ...
" รางวัลยังคงเหมือนเดิม ใครก็ตามที่ฆ่าหลี่ฉีเย่ได้จะได้รับการคุ้มครองจากบัลลังก์หมื่นกระดูก ! " หลังจากการสนทนาในอากาศ เจ้าหญิงฟินิกซ์ก็ส่งข้อความนี้ออกไป
ผู้ฝึกตนหลายคนที่กำลังจะยอมแพ้กลายเป็นมีกำลังใจขึ้นที่จะได้รับการคุ้มครองจากบัลลังก์หมื่นกระดูก
ข้อความนี้ได้รับการตอบสนองจากหลี่ฉีเย่ทันที " ข้ายินดีตอนรับทุกคนที่ต้องการชิ้นส่วนร่างกายข้า หากพวกเจ้าคิดว่ามีความสามารถเช่นนั้นก็มารับเอากุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้ายและรางวัลนับจับไป อย่างได้กังวล ตราบใดที่พวกเจ้าฆ่าข้าได้ นิกายพันแม่น้ำหวนจะไม่ตามไปแก้แค้น ! "
คำประกาศของหลี่ฉีเย่ทำให้ทุกคนตกตะลึง นี้เป็นคำประกาศที่ราวกับว่าเขาไม่แยแสที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก
ผู้นำนิกายหนึ่งตกตะลึงจากข่าวนี้และเอ่ย " ชายคนนี้บ้าไปแล้ว เขายิ่งกระตุ้นผู้คนให้อยากฆ่าเขามากขึ้น ! "
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังกล่าว หลายคนพยามจะหลีกเลี่ยงการตกอยู่ในสภาวะที่เลวร้าย หลี่ฉีเย่นั้นมีนิกายพันแม่น้ำหวนหนุนหลังนี้เป็นการคุ้มกันที่ดี แต่การประกาศของเขาไม่ต่างจากการประกาศกับโลกว่า ตัวเขาเป็นไขมันหมูทุกคนสามารถมากินได้เลย
" เจ้าสารเลวนี้มันบ้าหรือมันคิดว่าตัวเองเป็นตัวตนอมตะ " องค์รักษ์เทพสวรรค์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
" นิกายพันแม่น้ำหวนจะไม่แก้แค้นจริงๆรึ ? " บรรดาคนที่กลัวตำแหน่งของหลี่ฉีเย่กลายเป็นมีความสุขจากเรื่องนี้
" เขาเรื่องเส้นทางที่ยากลำบากแทน ! เป็นทัศนคติที่น่าชื่นชม...มันช่างครอบงำผู้คนจริงๆ " ผู้นำคนหนึ่งเอ่ย " หากเขาต้องการที่จะยั่วยุทุกคนบนโลก มันจะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของเผ่าพันธ์ผี หากฆ่าเขาไม่ได้ "
ทันใดนั้นหลายคนก็กระซับกระส่ายด้วยความตื่นเต้น ขุมอำนาจทั้งหลายเตรียมพร้อมก่อนที่พวกเขาจะดำเนินการ
ผู้เชียวชาญจำนวนมากออกไปจากเผ่าเงาหิมะและเตรียมพร้อมโจมตีหลี่ฉีเย่ บางคนออกคำสั่ง " ไปเตรียมตัวด้านนอกเผ่าเงาหิมะ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นตัวตนอมตะ "
คนจำนวนนับไม่ถ้วนมาชุมนุมกันด้านนอกเผ่าเงาหิมะ ผู้เชียวชาญและผุ้นำนิกายจากขุมอำนาจล้วนมาอยู่ที่นี่
ไม่มีใครเคลื่อนไหวเป็นคนแรก พวกเขารอเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะหาประโยชน์
ประกาศของหลี่ฉีเย่ทำให้กลุ่มของฉิวหรงว่านเสวี่ยตกตะลึง นี้เป็นครั้งแรกที่เผ่าเงาหิมะตกตะลึ้งจากประกาศของคนที่หยิ่งยโสและกล้าจะก่อตัวเป็นศัตรูกับทั้งโลก
พวกเขานั้นถูกครองงำโดยหลี่ฉีเย่และเต็มไปด้วยความชื่นชม พวกเขารู้สึกว่าหลี่ฉีเย่เทียบได้กับสามวีรบุรุษ เขากล้าท้าทายคนทั้งโลกเพื่อเป้าหมายของเขา
" นี้ท่านบ้าไปแล้ว ? " แม้แต่หลานอวิ๋นจูก็ยังสะดุ้ง " ท่านยังเผชิญหน้ากับศัตรูไม่พออีกรึไง ? "
หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างใจเย็น " มีจำนวนมากก็ยิ่งไร้ค่า แต่ยิ่งมากก็ยิ่งดี มันถึงเวลาที่ข้าจะอาบเลือดให้ดาบของข้าแล้ว มันนานเกินไปจนข้ารู้สึกว่าร่างกายเกือบจะขึ้นสนิม "
กลุ่มของฉิวหรงว่านเสวี่ยกลายเป็นไร้คำพูด เพียงกลุ่มของเจ้าหญิงฟินิกซ์ก็น่ากลัสเพียงพอแล้ว แต่หลี่ฉีเย่ยังต้องการท้าทายผู้ฝึกตนที่เหลือทั้งโลก นี้เป็นการกระทำที่บ้าระห่ำเกินไป !
การทำเช่นนี้เป็นเหมือนการฆ่าตัวตายในสายตาคนอื่น พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรหากกล้าท้าทายผู้ฝึกตนทั้งโลก ? ไม่เว้นแม้แต่อัจฉริยะอย่างตี๋เชา ไม่ว่าใครก้ไม่มีชีวิตรอด !
" หัวของท่านนะสิที่ขึ้นสนิม ! " หลานอวิ๋นจูมองไปที่เขาและกล่าวอย่างไม่พอใจ " ประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์และบัลัลังก์หมื่นกระดูกยังไม่เพียงพอ ? ท่านอยากจะประกาศสงครามกับเผ่าพันธ์ผีที่เหลือทั้งหมดเลยหรือไม่ ? "
หลี่ฉีเย่โบกมือของเขาและเอ่ยสบายๆ " การตัดสินใจนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าแต่เป็นพวกเขา ข้าไม่สามารถช่วยได้หากมีคนต้องการเป็นศัตรูกับข้า หากพวกเขาไม่ต้องการที่จะมีหัวไว้บนบ่าอีกต่อ มันจะไม่โหดร้ายรึหากข้าไม่ช่วยส่งเสริมพวกเขา ? " หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย " นอกจากนี้จะเป็นอะไรหากข้าจะเผชิญหน้ากับเผ่าพันธ์ผีที่เหลือทั้งโลก ? ไม่ต้องเอ่ยถึงทั้งโลก แม้แต่เผชิญหน้ากับเผ่าพันธ์ผีทั้งเก้าโลกข้าก็ยังไม่แยแส ! "
ทุกคนล้วนอ้าปากค้างกับคำกล่าวที่เผด็จการนี้ ก่อนหน้านี้กลุ่มของผู้อาวุโสชินั้นคิดว่าหลี่ฉีเย่พูดใหญ่โตเพราะมีคนหนุนหลัง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่คิดว่าหลี่ฉีเย่เป็นเช่นนั้น พวกเขายิ่งสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหลี่ฉีเย่ เขาไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ?
หลานอวิ๋นจูมองไปยังหลี่ฉีเย่และเอ่ยอย่างขุ่นเคือง " นี้ท่านกลายเป็นคนบ้าการฆ่าไปแล้วรึ ? ท่านมักจะพูดถึงเรื่องของการสังหารหมู่และฆ่าอยู่ตอดลเวลา " หลานอวิ๋นจูรู้จักความโหดร้ายของหลี่ฉีเย่และรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี หลี่ฉีเย่กระทั้งวางแผนที่จะฆ่าพวกนางตอนที่อยู่ในนิกายพันแม่น้ำหวน และแน่นอนว่าเขาไม่แยแสการฆ่าเผ่าพันธ์ผี
" การฆ่าหนึ่งคนเป็นบาป , ฆ่าร้อยคนนั้นเป็นวีรบุรุษ , ฆ่าหมื่นคนนั้นเป็นราชัน , ฆ่าล้ายคนคือผู้เป็นจักรพรรดิ " หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างสงบ " นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเวลา ผู้ที่เป็นจักพรรดริอมตะไม่ใช่คนที่เหยียบกระดูกของคนอื่นขึ้นไปถึงบัลลังก์หรอกรึ ? จากเริ่มจนจบการฆ่าคนนับล้านทำให้พวกเขาเป็นจักรพรรดิ หากใครต้องการมุ่งมั่นไปถึงจุดนั้นพวกเขาต้องบดขยี้ศัตรูนับล้าน ! "
หลี่ฉีเย่มองไปยังหลานอวิ๋นจู " เส้นทางของจักรพรรดินั้นแคบ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู จะต้องมีฝั่งหนึ่งตาย แม้ว่าเจ้าจะไม่ฆ่าพวกเขา แต่เมื่อก้าวเข้ามายังเส้นทางนี้ศัตรูนับล้านก็ต้องการจะฆ่าเจ้า ดังนั้นแทนที่จะเป็นที่รองเท้าของคนอื่น ทำไมไม่ฆ่าพวกมันนับล้านเพื่อสังเวยชัยชนะแทน ? ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้จำแต่เพียงผู้ที่กลายเป็นจักรพรรดิอมตะและแบกเจตจำนงแห่งสวรรค์ ไม่มีใครจำหินลองเท้าของพวกเขา หลังจากกลายเป็นจักรพรรดิ การฆ่าล้านคนนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่ใช่การกระทำที่บ้าคลั่ง "
หลานอวิ๋นจูนั้นฟังเงียบๆ นางนั้นเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถคู่เซียนและมีโอกาสเดินบนเส้นทางของจักรพรดริในอนาคต ดังนั้นนางจึงเข้าใจเหตุผลนี้ แม้ว่าท่านจะต้องการฆ่าหรือไม่ คนอื่นๆก็ต้องการจะฆ่าท่านเมื่อเดินบนเส้นทางจักรพรรดิ
" นี้เป็นเพียงการฝึกฝน " หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " มันไม่มีง่ายที่จะฆ่าคน คนหนึ่งสามารถก้าวสุ้เส้นทางได้เมื่อเข้าสนามรบที่แท้จริง มีเพียงประสบการณ์ที่ผ่านชีวิตและความตายเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาไปยังจุดสูงุสด แม้แต่ทักษะธรรมดาเมื่อถูกขัดเกลาในสนามรับมันก็ยังเป็นทักษะการฆ่าที่โหดเหี้ยมได้ "
" เส้นทางของจักรพรรดิอมตะไม่เพียงแต่เป็นการเรียนรู้ผ่านศพของศัตรูนับไม่ถ้วน " หลี่ฉีเย่เอ่ยช้าๆ " แต่พวกเขาจะต้องผ่านสนามรบและเข้าใจตัวเองเพื่อที่จะดึงศักยภาพสูงสุดออกมา พวกเขาจะต้องดึงการบ่มเพาะและฝึกฝนคัมภีร์ไปให้ถึงจุดสูงสุดเพื่อรอดชีวิต "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นกำลังไตร่ตรองคำกล่าวของหลี่ฉีเย่ นางนั้นไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน นี้จึงเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆให้แก่นาง
หลานอวิ๋นจูนั้นมีความรู้ที่ลึกซึ้งกว่าฉิวหรงว่านเสวี่ย ดังนั้นนางจึงเข้าใจสิ่งที่หลี่ฉีเย่เอ่ยมากกว่า และอดไม่ได้ที่จะเอ่ย " ระวังไว้เถอะ ท่านจะตกลงมาก่อนจะไปถึงระดับจักรพรรดิอมตะ " นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวเก้อเขิน
" วางใจเถอะ ตลอดเก้าชั้นฟ้าและสิบแผ่นดิน ข้าเพียงผู้เดียวที่เป็นตัวตนอมตะ ! " หลี่ฉีเย่ประกาศอย่างไม่แยแส
กลุ่มของผู้อาวุโสชิอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับคำพูดเหล่านี้ คนอื่นไม่มีใครที่จะกล้าพูดสิ่งนี้ แต่หลี่ฉีเย่กล่าวมันอย่างเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
หลานอวิ๋นจูกล่าวอย่างเหน็มแนม " โอ้ว ท่านลุง อย่าระเบิดความมั่นใจของท่านมากเกินไปและซ่อนความหน้าหนาของท่านไว้บาง "
หลี่ฉีเย่อมยิ้มและเอ่ย " รอดูเถอะ รอดูข้านำชัยชนะกลับมา "
หลานอวิ๋นจูจ้องหน้าเขาและเอ่ยอย่างใจเย็น " ข้ารู้ ข้าจะรอท่าน " นางนั้นมั่นใจในตัวหลี่ฉีเย่และเชื่อว่าเขาจะสร้างปาฏิหารย์
* * *
มีเนินเขาอยู่ด้านนอกของเผ่าเงาหิมะ ในขณะที่มันเต็มไปด้วยเงาไร้ที่สิ้นสุด มันเป็นฝูงชนขนาดใหญ่จากทุกระดับและทุกเผ่าพันธ์
คนจำนวนมากนี้สร้างเป็นฉากที่ลึกลับ บางคนลอยบนท้องฟ้า บางคนอยู่บนภูเขา บางคนซ่อนในเงามืด
ผู้ฝึกตนที่มาวันนี้ก้เพื่อรอดหลี่ฉีเย่ปะทะกับคนนับหมื่นหรือมากกว่า ทุกคนมีจุดมุ่งหมายในการฆ่าหลี่ฉีเย่ รางวัลของเจ้าหญิงฟินิกซ์นั้นน่าดึงดูดเกินไป หลี่ฉีเย่นั้นมีกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ไม่เพียงแต่จะเป็นที่ต้องการของผู้นำนิกายและเหล่าผู้อาวุโส แม้แต่เหล่าผู้เยาว์ก็ต้องการจะรับมันด้วย
เหล่าผู้อาวุโสจากนิกายขนาดใหญ่นั้นไม่ได้สนใจ เม็ดยาราชาหรือสมบัติบรรพชนเที่ยงธรรม แต่กุญแจนี้ทำให้พวกเขาน้ำลายไหล
แน่นอนผู้เยาว์บางคนนั้นมาที่นี่เพราะชื่อเสียง ในเวลานี้หลี่ฉีเย่นั้นโด่งดังอย่างมากหลังจากฆ่ากลุ่มของเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับฉายา จอมโหดเหี้ยมแห่งยุค ชื่อเสียงของเขาเทียบได้กับยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยวและยอดเซียนผีแมลงจากเชื้อสายจักรพรรดิ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น