ตอนที่ 517 หินที่หยิ่งยโส
เซียนฟานนั้นขึ้นไปถึงด้านบนและพบว่ามันมีหินที่มีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้าอยู่ มันเป็นสีเทาโดยไม่มีเงาใดๆ เช่นเดียวกับกรวดบนท้องถนน ถ้าหินนี้อยู่ในที่อื่นจะไม่มีใครสามารถมองมันเห็นได้
นอกจากนี้ด้วยลักษณะที่สามัญ ไม่มีใครคิดว่าหินก้อนนี้มีค่า
" หินก้อนนั้นคือหินที่มีความลึกลับและมหัศจรรย์ในตำนาน ? " ไม่ใช่เพียงคนสองคนที่คิดเช่นนี้ หลายคนไม่สามารถเชื่อมโยงความธรรดาของมันกับหินในตำนานได้
" ถูกต้อง " ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ย " ไม่ว่าจะอย่างไร หลายคนก็ล้มเหลวมาแล้ว ไม่เพียงแต่กลุ่มของตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ หลายวันก่อนบรรพชนของยอดยุคอาณาจักรโบราณก็มาที่นี่และพยามนำมันไป แต่มันก็ยังไม่ขยับ "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มคนล้วนอ้าปากค้างและขอคำยืนยัน " แม้แต่บรรพชนของยอดยุคอาณาจักรก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวมันได้ ? "
อาณาจักรโบราณที่มีสองจักรพรรดิอมตะ ดังนั้นบรรพชนของพวกเขาแน่นอนต้องแข็งแกร่ง บรรพชนธรรมดาจากนิกายทรงอำนาจนั้นไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้ ทว่าคนที่ทรงอำนาจเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวหินนี้ได้ - นี้มันน่ากลัวเกินไป บรรพชนแน่นอนว่าต้องเป็นบรรพชนเที่ยงธรรม แต่เขาก็ยังไม่สามารถขยับหินนี้ได้
" หินก้อนนี้มันท้าทายสวรรค์เช่นนั้นจริงรึ ? " หลานอวิ๋นจูนั้นมีพรสวรรค์คู่เซียนและความรู้สึกของนางไวมาก แต่นางก็ยังไม่สามารถสัมผัสถึงความพิเศษใดๆของหินก้อนนี้ได้
หลี่ฉีเย่มองไปยังหินก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " หากเจ้าสามารถได้รับมัน การใช้จ่ายใดๆล้วนคุ้มค่า นี้เป็นหินที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากหินก้อนอื่น แม้แต่สมัยโบราณก็ยังหายากที่จะหาหินที่เทียบกับหินก้อนนี้ได้ จักรพรรดิอมตะหมิงตู่พยามใช้กำลังบังคับมัน แต่เขาก้ไม่ประสบความสำเร็จ "
" แม้แต่จักรพรรดิอมตะก็ยังล้มเหลวแม้ว่าจะใช่กำลัง ? " หลานอวิ๋นจูจมลงและเอ่ยถาม " มีตำนานกล่าวว่า จักรพรรดินั้นเป็นตัวตนอมตะเพียงผู้เดียวที่จะใช้กำลังบังคับหินโชคชะตาได้ - นี้ไม่จริง ? "
" ไม่ นั้นถูกต้องแล้ว " หลี่ฉีเย่พยักหน้าและเอ่ย " ทว่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ หากจักรพรรดิอมตะทำมันบ่อยเกินไปพวกเขาจะได้รับการสูญเสีย หินก้อนนี้นั้นมีความพิเศษ หากจักรพรรดิอมตะเสี่ยงชีวิตบางทีเขาอาจจะนำหินนี้ไปได้ ทว่าราคาของมันก็สูงมาก "
ในเวลานี้เซียนฟานกำลังนั่งอยู่ด้านบนด้วยมือหนึ่งที่ว่างเหนือก้อนหิน พลังงานในสายเลือดของเขาหมุนวนไปรอบๆมือราวกับเป็นมังกรและฟินิกซ์ แม้ว่าพลังงานของมันจะไม่ได้หนาแน่นแต่ก็มีเสียงคำรามที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว มันรู้สึกราวกับว่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้กระจายไปทั่วอากาศ พลังงานของเซียนฟานนั้นทรงพลังอย่างมาก
พลังงานเหล่านี้ทำให้คนอื่นล้วนหน้าซีด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงสู่กับตี๋เชาได้อย่างเสมอ
พลังงานในสายเลือดจากฝ่ามือของเขานั้นปกคลุมไปทั่วหิน ทว่าก้อนหินนี้แสดงออกอย่างไม่ไว้หน้าและยิงพลังงานในสายเลือดนี้กลับมาให้เขา
ถึงอย่างนั้น พรสวรรค์ของเซียนฟานก็กล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมและเขาไม่ได้ยอมแพ้ง่าย พลังานในสายเลือดของเขาพุ่งสูงขึ้นราวกับมังกรและถูกยิงออกจากฝ่าพร้อมด้วยกลิ่นอายอมตะ กลิ่นอายของมังกรอมตะนั้นข่มขู่ผู้คนอย่างมาก หากกลิ่นอายนี้ยิงขึ้นชั้นฟ้า ดวงดาราจะแตกกระจาย
ท่าทางที่ยิ่งใหญ่และก้าวร้าวดังกล่าวทำให้คนอื่นบนภูเขาเปลี่ยนการแสดงออก อำนาจของเซียนฟานนั้นเพียงพอแล้วที่จะปกคลุมเหนือกลุ่มผู้เยาว์
เสียงกระหึ่มดังกังวานพร้อมกับภูเขาที่สั่น พลังงานในสายเลือดจากฟ้ามือเขานั้นทรงอำนาจอย่างมาก มันปกคลุมไปทั่วหินราวกับมหาสมุทร เหมือนกับเซียนฟานต้องการจะกลืนกินหินนี้
อีกเสียงหนึ่งระเบิดออกมาราวกับโลกได้ถูกแยกออก แม้ว่าพลังงานในสายเลือดของเซียนฟานจะทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่อำนาจของหินที่ราวกับก้อนกรวดนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า เซียนฟานถูกบังคับให้กระโดดออกไปหลายเมตร
เนื่องจากใบหน้าของเขามีเกราะประดับทำให้ไม่มีใครใบหน้าของเซียนฟาน ทว่าทุกครู้สึกได้ถึงอาการตกตะลึงของเขา เหล่าผู้ชมที่เหลือทำได้แต่ตกตะลึง " น่าอัศจรรย์มาก หินก้อนนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แม้แต่ลูกรักของสวรรค์อย่างเซียนฟานก็ยังได้รับการยอมรับจากหินเก้าตัวอักษร แต่หินก้อนนี้กลับปฏิเสธเขา "
เผ่าผีพนักหน้าและเอ่ยความเห็น " ท่านตี๋เชาก็มีอาวุธพรสวรรค์ที่กลั่นมาจากหินเก้าตัวอักษร ข้าได้ยินมาว่าเขาได้ถูกยอมรับโดยหินเก้าตัวอักษรสองก้อนและเขาเลือกมันมาหนึ่ง ท่านตี๋เชานั้นต้องการหินก้อนนี้ น่าเสียดายที่มันไม่ยอมรับเขา "
" ไม่มีอะไรน่าอาย " ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์รู้สึกผิดหวังหลังจากเห็นเซียนฟานล้มเหลว
ขณะเดียวกันผู้เชียวชาญผีต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะว่าทั้งตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ล้วนล้มเหลวมาก่อนหน้า
หากเซียนฟานนั้นประสบความสำเร็จ เช่นนั้นมันเหมือนเป็นการตบหน้าของเผ่าผีทั้งหมด นี้จะหมายความอัจฉริยะของเผ่าผีนั้นไม่ความสามารถเทียบเท่ากับเผ่ามนุษย์
เซียนฟานนั้นอดไม่ได้ที่จะเสียใจหลังจากไม่ได้รับการยอมรับจากหิน เขานั้นไม่อยู่เป็นเวลานานและไม่มองไปยังหินเก้าตัวอักษรอื่นๆและจากไป
" ท่านลุง มันถึงตาพวกเราแล้ว " หลานอวิ๋นจูยิ้มและเอ่ยกับหลี่ฉีเย่
" โอ้ว ? เจ้าต้องการหินก้อนนั้นด้วย ? แต่ข้ารู้สึกเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีโอกาส นี้ไม่ใช่ข้าดูถูกเจ้า หินก้อนนั้นหยิ่งยโสอย่างมาก " หลี่ฉีเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม
หลานอวิ๋นจูฉีกยิ้มอย่างมีเสน่ห์และเอ่ย " ท่านลุงไม่ต้องสนใจหินนั้น แม้ว่าข้าจะมั่นใจมาก แต่ข้าไม่คิดว่าตัวเองดีกว่าจักรพรรดิอมตะ ข้าสนใจเกี่ยวกับหินที่ท่านพูดถึงก่อนหน้ามากกว่า " หลานอวิ๋นจูเอียงศีรษะของนางและเอ่ยอย่างขี้เล่น " ท่านลุง ท่านกล้าจะเดิมพันว่าท่านจะได้รับการยอมรับจากหินก้อนนั้นหรือไม่ ? ท่านเป็นคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจใช่ไหม ? แสดงข้าให้ดูหน่อยว่าท่านนั้นมีดีกว่า ตี๋เชา , เทียนหุยหลี่ หรือแม้แต่เซียนฟาน โดยการทำให้หินนั้นยอมรับ "
หลี่ฉีเย่สนใจเล็กน้อย ก่อนจะหลี่สายตาของเขาและเอ่ย " หากหินนั้นยอมรับข้าเป็นเจ้านายขึ้นมา เจ้าจะให้อะไร ? "
" ท่านลุง ท่านกำลังโม้อีกแล้ว " หลานอวิ๋นจูยังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " ท่านควรจะเปลี่ยนเป็น ท่านจะให้อะไรข้าหากท่านล้มเหลวดีกว่า "
" หากข้าแพ้ ข้าจะมอบสิ่งของที่เหมาะสมกับเจ้าให้ " หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ยต่อ " ทว่า หากเจ้าแพ้ คืนนี้เจ้าเตรียมเปลืองผ้าและมาอุ่นเตียงข้า "
หลานอวิ๋นจูหัวเราะและกล่าวอย่างไม่แยแส " ท่านลุง รอจนกว่าท่านจะชนะแล้วค่อยพูดเถอะ "
หลานอวิ๋นจูหันไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปด้านบน หลังจากก้าวไปหลายก้าวนางก็หันหลังกลับมาถาม " ท่านกล้าจะรับเดิมพันนี้หรือไม่ ท่านลุง ? "
" แน่นอน เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้า ? " หลี่ฉีเย่เดินตามหลังนางขึ้นไปยังบนภูเขา การกระทำของทั้งสองนั้นดึงดุดสายตาของคนอื่นๆ หลี่ฉีเย่และหลานอวิ๋นจูนั้นอยู่ตรงตีนเขามาเป็นเวลานาน ดังนั้นการขึ้นไปด้านบนอย่างกระทันหันทำให้คนอื่นสนใจ
บางคนคาดเดา " หรือว่าหลี่ฉีเย่และเทพธิดาหลานต้องการจะทดสอบกับหินนั้น ? " นี้เป็นคำอธิบายที่มีเหตุผลมากที่สุด หลานอวิ๋นจูนั้นมีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น นางเป็นลูกหลานของนิกายพันแม่น้ำและมีความสามารถคู่เซียน ความสามารถของนางได้รับการกล่าวถึงและยกย่องเป็นเวลานาน
เมื่อไม่นานนี้่ หลี่ฉีเย่ได้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงด้านความโหดร้ายและถูกนำมาเทียบกับตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ เขานั้นเป็นอัจรฉิยะที่มากพรสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะลอง
ผู้เชียวชาญเผ่าผีหัวเราะเยาะ " ฮึ่ม ! เจ้าคนแซ่หลี่นั้นไม่มีโอกาสจะทำสำเร็จ เขาจะดีไปกว่าท่านตี๋เชาได้อย่างไร ? แม้จะมีควาสมามรถเทียบเท่า หลี่ฉีเย่ก็ไม่สามารถเอาชนะท่านตี๋เชาได้ ! ท่านตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ทั้งสองต่างก็ล้มเหลว และแม้แต่เผ่ามนุษย์อย่างเซียนฟานก็ยังล้มเหลว เจ้าคนแซ่หลี่นี้ไม่ต้องกล่าวถึง ! "
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เผ่าผีนั้นกล่าวเช่นนี้ อัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาได้ล้มเหลว และแม้แต่เซียนฟานก็ยังล้มเหลว พวกเขานั้นล้วนไม่มีใครเชื่อว่าหลี่ฉีเย่จะทำได้ ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหนอย่างมากเขาก็ทำได้เพียงเท่ากับท่านตี๋เชา
ขณะเดียวกันผู้ฝึกตนเผ่มนุษย์ล้วนหวังให้หลี่ฉีเย่ทำมันสำเร็จ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หวังมาก นอกจากชานหยาง อัจฉริยะในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ได้มาลองหินก้อนนี้กันหมดแล้ว ไม่มีใครในพวกเขาทำสำเร็จ และผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ก็ไม่รู้สึกว่าหลี่ฉีเย่จะเอาชนะคนทั้งหมดได้
จากจุดที่ยืนอยู่กลางภูเขาไปจนถึงด้านบน หินโชคะชาที่นี่มีระดับเหนือกว่าหินธรรมดาทั้งสิ้น มันมีกระทั้งหินเก้าตัวอักษร เมื่อหลี่ฉีเย่และหลานอวิ๋นจูมาที่นี่
ยืนอยู่ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างกึ่งกางไปด้านบน หลานอวิ๋นจูฉีกยิ้มกว่างและมองหลี่ฉีเย่ " ท่านลุง พร้อมรึยัง ? มาดูกันว่าใครเป็นที่ยอมรับมากกว่ากัน ! "
เซียนฟานนั้นขึ้นไปถึงด้านบนและพบว่ามันมีหินที่มีขนาดเท่ากับอ่างล้างหน้าอยู่ มันเป็นสีเทาโดยไม่มีเงาใดๆ เช่นเดียวกับกรวดบนท้องถนน ถ้าหินนี้อยู่ในที่อื่นจะไม่มีใครสามารถมองมันเห็นได้
นอกจากนี้ด้วยลักษณะที่สามัญ ไม่มีใครคิดว่าหินก้อนนี้มีค่า
" หินก้อนนั้นคือหินที่มีความลึกลับและมหัศจรรย์ในตำนาน ? " ไม่ใช่เพียงคนสองคนที่คิดเช่นนี้ หลายคนไม่สามารถเชื่อมโยงความธรรดาของมันกับหินในตำนานได้
" ถูกต้อง " ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ย " ไม่ว่าจะอย่างไร หลายคนก็ล้มเหลวมาแล้ว ไม่เพียงแต่กลุ่มของตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ หลายวันก่อนบรรพชนของยอดยุคอาณาจักรโบราณก็มาที่นี่และพยามนำมันไป แต่มันก็ยังไม่ขยับ "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มคนล้วนอ้าปากค้างและขอคำยืนยัน " แม้แต่บรรพชนของยอดยุคอาณาจักรก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวมันได้ ? "
อาณาจักรโบราณที่มีสองจักรพรรดิอมตะ ดังนั้นบรรพชนของพวกเขาแน่นอนต้องแข็งแกร่ง บรรพชนธรรมดาจากนิกายทรงอำนาจนั้นไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้ ทว่าคนที่ทรงอำนาจเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวหินนี้ได้ - นี้มันน่ากลัวเกินไป บรรพชนแน่นอนว่าต้องเป็นบรรพชนเที่ยงธรรม แต่เขาก็ยังไม่สามารถขยับหินนี้ได้
" หินก้อนนี้มันท้าทายสวรรค์เช่นนั้นจริงรึ ? " หลานอวิ๋นจูนั้นมีพรสวรรค์คู่เซียนและความรู้สึกของนางไวมาก แต่นางก็ยังไม่สามารถสัมผัสถึงความพิเศษใดๆของหินก้อนนี้ได้
หลี่ฉีเย่มองไปยังหินก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " หากเจ้าสามารถได้รับมัน การใช้จ่ายใดๆล้วนคุ้มค่า นี้เป็นหินที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากหินก้อนอื่น แม้แต่สมัยโบราณก็ยังหายากที่จะหาหินที่เทียบกับหินก้อนนี้ได้ จักรพรรดิอมตะหมิงตู่พยามใช้กำลังบังคับมัน แต่เขาก้ไม่ประสบความสำเร็จ "
" แม้แต่จักรพรรดิอมตะก็ยังล้มเหลวแม้ว่าจะใช่กำลัง ? " หลานอวิ๋นจูจมลงและเอ่ยถาม " มีตำนานกล่าวว่า จักรพรรดินั้นเป็นตัวตนอมตะเพียงผู้เดียวที่จะใช้กำลังบังคับหินโชคชะตาได้ - นี้ไม่จริง ? "
" ไม่ นั้นถูกต้องแล้ว " หลี่ฉีเย่พยักหน้าและเอ่ย " ทว่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ หากจักรพรรดิอมตะทำมันบ่อยเกินไปพวกเขาจะได้รับการสูญเสีย หินก้อนนี้นั้นมีความพิเศษ หากจักรพรรดิอมตะเสี่ยงชีวิตบางทีเขาอาจจะนำหินนี้ไปได้ ทว่าราคาของมันก็สูงมาก "
ในเวลานี้เซียนฟานกำลังนั่งอยู่ด้านบนด้วยมือหนึ่งที่ว่างเหนือก้อนหิน พลังงานในสายเลือดของเขาหมุนวนไปรอบๆมือราวกับเป็นมังกรและฟินิกซ์ แม้ว่าพลังงานของมันจะไม่ได้หนาแน่นแต่ก็มีเสียงคำรามที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว มันรู้สึกราวกับว่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้กระจายไปทั่วอากาศ พลังงานของเซียนฟานนั้นทรงพลังอย่างมาก
พลังงานเหล่านี้ทำให้คนอื่นล้วนหน้าซีด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงสู่กับตี๋เชาได้อย่างเสมอ
พลังงานในสายเลือดจากฝ่ามือของเขานั้นปกคลุมไปทั่วหิน ทว่าก้อนหินนี้แสดงออกอย่างไม่ไว้หน้าและยิงพลังงานในสายเลือดนี้กลับมาให้เขา
ถึงอย่างนั้น พรสวรรค์ของเซียนฟานก็กล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมและเขาไม่ได้ยอมแพ้ง่าย พลังานในสายเลือดของเขาพุ่งสูงขึ้นราวกับมังกรและถูกยิงออกจากฝ่าพร้อมด้วยกลิ่นอายอมตะ กลิ่นอายของมังกรอมตะนั้นข่มขู่ผู้คนอย่างมาก หากกลิ่นอายนี้ยิงขึ้นชั้นฟ้า ดวงดาราจะแตกกระจาย
ท่าทางที่ยิ่งใหญ่และก้าวร้าวดังกล่าวทำให้คนอื่นบนภูเขาเปลี่ยนการแสดงออก อำนาจของเซียนฟานนั้นเพียงพอแล้วที่จะปกคลุมเหนือกลุ่มผู้เยาว์
เสียงกระหึ่มดังกังวานพร้อมกับภูเขาที่สั่น พลังงานในสายเลือดจากฟ้ามือเขานั้นทรงอำนาจอย่างมาก มันปกคลุมไปทั่วหินราวกับมหาสมุทร เหมือนกับเซียนฟานต้องการจะกลืนกินหินนี้
อีกเสียงหนึ่งระเบิดออกมาราวกับโลกได้ถูกแยกออก แม้ว่าพลังงานในสายเลือดของเซียนฟานจะทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่อำนาจของหินที่ราวกับก้อนกรวดนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า เซียนฟานถูกบังคับให้กระโดดออกไปหลายเมตร
เนื่องจากใบหน้าของเขามีเกราะประดับทำให้ไม่มีใครใบหน้าของเซียนฟาน ทว่าทุกครู้สึกได้ถึงอาการตกตะลึงของเขา เหล่าผู้ชมที่เหลือทำได้แต่ตกตะลึง " น่าอัศจรรย์มาก หินก้อนนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แม้แต่ลูกรักของสวรรค์อย่างเซียนฟานก็ยังได้รับการยอมรับจากหินเก้าตัวอักษร แต่หินก้อนนี้กลับปฏิเสธเขา "
เผ่าผีพนักหน้าและเอ่ยความเห็น " ท่านตี๋เชาก็มีอาวุธพรสวรรค์ที่กลั่นมาจากหินเก้าตัวอักษร ข้าได้ยินมาว่าเขาได้ถูกยอมรับโดยหินเก้าตัวอักษรสองก้อนและเขาเลือกมันมาหนึ่ง ท่านตี๋เชานั้นต้องการหินก้อนนี้ น่าเสียดายที่มันไม่ยอมรับเขา "
" ไม่มีอะไรน่าอาย " ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์รู้สึกผิดหวังหลังจากเห็นเซียนฟานล้มเหลว
ขณะเดียวกันผู้เชียวชาญผีต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะว่าทั้งตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ล้วนล้มเหลวมาก่อนหน้า
หากเซียนฟานนั้นประสบความสำเร็จ เช่นนั้นมันเหมือนเป็นการตบหน้าของเผ่าผีทั้งหมด นี้จะหมายความอัจฉริยะของเผ่าผีนั้นไม่ความสามารถเทียบเท่ากับเผ่ามนุษย์
เซียนฟานนั้นอดไม่ได้ที่จะเสียใจหลังจากไม่ได้รับการยอมรับจากหิน เขานั้นไม่อยู่เป็นเวลานานและไม่มองไปยังหินเก้าตัวอักษรอื่นๆและจากไป
" ท่านลุง มันถึงตาพวกเราแล้ว " หลานอวิ๋นจูยิ้มและเอ่ยกับหลี่ฉีเย่
" โอ้ว ? เจ้าต้องการหินก้อนนั้นด้วย ? แต่ข้ารู้สึกเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีโอกาส นี้ไม่ใช่ข้าดูถูกเจ้า หินก้อนนั้นหยิ่งยโสอย่างมาก " หลี่ฉีเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม
หลานอวิ๋นจูฉีกยิ้มอย่างมีเสน่ห์และเอ่ย " ท่านลุงไม่ต้องสนใจหินนั้น แม้ว่าข้าจะมั่นใจมาก แต่ข้าไม่คิดว่าตัวเองดีกว่าจักรพรรดิอมตะ ข้าสนใจเกี่ยวกับหินที่ท่านพูดถึงก่อนหน้ามากกว่า " หลานอวิ๋นจูเอียงศีรษะของนางและเอ่ยอย่างขี้เล่น " ท่านลุง ท่านกล้าจะเดิมพันว่าท่านจะได้รับการยอมรับจากหินก้อนนั้นหรือไม่ ? ท่านเป็นคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจใช่ไหม ? แสดงข้าให้ดูหน่อยว่าท่านนั้นมีดีกว่า ตี๋เชา , เทียนหุยหลี่ หรือแม้แต่เซียนฟาน โดยการทำให้หินนั้นยอมรับ "
หลี่ฉีเย่สนใจเล็กน้อย ก่อนจะหลี่สายตาของเขาและเอ่ย " หากหินนั้นยอมรับข้าเป็นเจ้านายขึ้นมา เจ้าจะให้อะไร ? "
" ท่านลุง ท่านกำลังโม้อีกแล้ว " หลานอวิ๋นจูยังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " ท่านควรจะเปลี่ยนเป็น ท่านจะให้อะไรข้าหากท่านล้มเหลวดีกว่า "
" หากข้าแพ้ ข้าจะมอบสิ่งของที่เหมาะสมกับเจ้าให้ " หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ยต่อ " ทว่า หากเจ้าแพ้ คืนนี้เจ้าเตรียมเปลืองผ้าและมาอุ่นเตียงข้า "
หลานอวิ๋นจูหัวเราะและกล่าวอย่างไม่แยแส " ท่านลุง รอจนกว่าท่านจะชนะแล้วค่อยพูดเถอะ "
หลานอวิ๋นจูหันไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปด้านบน หลังจากก้าวไปหลายก้าวนางก็หันหลังกลับมาถาม " ท่านกล้าจะรับเดิมพันนี้หรือไม่ ท่านลุง ? "
" แน่นอน เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้า ? " หลี่ฉีเย่เดินตามหลังนางขึ้นไปยังบนภูเขา การกระทำของทั้งสองนั้นดึงดุดสายตาของคนอื่นๆ หลี่ฉีเย่และหลานอวิ๋นจูนั้นอยู่ตรงตีนเขามาเป็นเวลานาน ดังนั้นการขึ้นไปด้านบนอย่างกระทันหันทำให้คนอื่นสนใจ
บางคนคาดเดา " หรือว่าหลี่ฉีเย่และเทพธิดาหลานต้องการจะทดสอบกับหินนั้น ? " นี้เป็นคำอธิบายที่มีเหตุผลมากที่สุด หลานอวิ๋นจูนั้นมีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น นางเป็นลูกหลานของนิกายพันแม่น้ำและมีความสามารถคู่เซียน ความสามารถของนางได้รับการกล่าวถึงและยกย่องเป็นเวลานาน
เมื่อไม่นานนี้่ หลี่ฉีเย่ได้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงด้านความโหดร้ายและถูกนำมาเทียบกับตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ เขานั้นเป็นอัจรฉิยะที่มากพรสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะลอง
ผู้เชียวชาญเผ่าผีหัวเราะเยาะ " ฮึ่ม ! เจ้าคนแซ่หลี่นั้นไม่มีโอกาสจะทำสำเร็จ เขาจะดีไปกว่าท่านตี๋เชาได้อย่างไร ? แม้จะมีควาสมามรถเทียบเท่า หลี่ฉีเย่ก็ไม่สามารถเอาชนะท่านตี๋เชาได้ ! ท่านตี๋เชาและเทียนหุยหลี่ทั้งสองต่างก็ล้มเหลว และแม้แต่เผ่ามนุษย์อย่างเซียนฟานก็ยังล้มเหลว เจ้าคนแซ่หลี่นี้ไม่ต้องกล่าวถึง ! "
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เผ่าผีนั้นกล่าวเช่นนี้ อัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาได้ล้มเหลว และแม้แต่เซียนฟานก็ยังล้มเหลว พวกเขานั้นล้วนไม่มีใครเชื่อว่าหลี่ฉีเย่จะทำได้ ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหนอย่างมากเขาก็ทำได้เพียงเท่ากับท่านตี๋เชา
ขณะเดียวกันผู้ฝึกตนเผ่มนุษย์ล้วนหวังให้หลี่ฉีเย่ทำมันสำเร็จ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หวังมาก นอกจากชานหยาง อัจฉริยะในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ได้มาลองหินก้อนนี้กันหมดแล้ว ไม่มีใครในพวกเขาทำสำเร็จ และผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ก็ไม่รู้สึกว่าหลี่ฉีเย่จะเอาชนะคนทั้งหมดได้
จากจุดที่ยืนอยู่กลางภูเขาไปจนถึงด้านบน หินโชคะชาที่นี่มีระดับเหนือกว่าหินธรรมดาทั้งสิ้น มันมีกระทั้งหินเก้าตัวอักษร เมื่อหลี่ฉีเย่และหลานอวิ๋นจูมาที่นี่
ยืนอยู่ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างกึ่งกางไปด้านบน หลานอวิ๋นจูฉีกยิ้มกว่างและมองหลี่ฉีเย่ " ท่านลุง พร้อมรึยัง ? มาดูกันว่าใครเป็นที่ยอมรับมากกว่ากัน ! "
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น