ตอนที่ 435 ภูเขาเคลื่อนคล้อย

ฉิวหรงว่านเสวี่ยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรหลังจากได้ยินคำกล่าวของเขา สมบัติปกตินนั้นดีมากอยู่แล้วสำหรับเผ่าเงาหิมะ และนางก็ไม่กล้าคิดถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน



ทว่า นางเชื่อในการเลือกของเขาและเอ่ยถาม " ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร ? "



หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " มันมีภูเขาห้าลูกในมุมของทะเลทรายแห่งนี้ ตราบใดที่สามารถผ่านภูเขาเหล่านี้ไปถึงตรงกลางได้ เจ้าจะสามารถเปิดทะเลทรายแห่งนี้ได้ จากนั้นก็มันขึ้นอยุ่กับโชคของเจ้า...ว่าเจ้าจะได้รับสมบัติหรือไม่ "



เขานั้นดูคุ้นเคยกับภูเขาเคลื่อนคล้อยอย่างมากจนฉิวหรงว่านเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " ไม่ใช่เจ้าเคยบอกว่าเจ้าไม่เคยมายังสุสานใหญ่มาก่อนรึ ? "



หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย " หากข้าตอบว่าข้าเคยมายังสถานที่นี่มาก่อน เจ้าจะให้ข้าติดตามมาด้วยรึ ? หากข้าเดาไม่ผิด หัวหน้าฉิงหรงเคยสงสัยว่าข้ามีเจตนาร้ายแต่พวกเจ้า ? "



ถูกหลี่ฉีเย่มองออกเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกหน้าแดง ใบหน้าที่แดงก่ำของนางยิ่งขับแน่นกลิ่นอายของเสน่ห์ในแบบของผู้ใหญ่ให้ออกมาและกลายเป็นลูกพีชที่น่าลิ้มลองมากขึ้น



" ข้าล้อเล่น " หลี่ฉีเย่หัวเราะเอ่ย " อย่าได้จริงจังมากนัก " หลี่ฉีเย่นั้นไม่ได้ใส่ใจเพราะในฐานะหัวหน้าเผ่ามันเป็นธรรมดาที่นางจะต้องระวังตัว



ฉิวหรงว่านเสี่วยจ้องเขาอย่างโกรธๆ " ใครบ้างที่จะไม่หวาดระแวงในเมื่อเจ้าทำตัวมีพิรุธเช่นนั้น ? " การแสดงออกของนางผสมกับความแง่งอนของสาวแรกรุ่นทำให้นางดูน่าหลงใหลขึ้นอีก



" มาเถอะ พวกเราจะไปหาภูเขาทั้งและพิชิตมันด้วยกัน เพื่อดูว่าพวกเรามีโชคในเวลานี้หรือไม่ " หลี่ฉีเย่ฉีกยิ้ม



พวกเขานั้นเริ่มจะค้นหาในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ อย่างรวดเร็วพวกเขาก็ได้พบภูเขา มันไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป มันดูธรรมดาอย่างมาก ลักษณะที่โดดเด่นเพียงอย่างเดียวก็คือมันเป็นสีดำสนิท



" พวกเราจะเคลื่อนย้ายมันตอนนี้ " ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นเอ่ยอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นภูเขา



หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย " เจ้าไม่สามารถทำได้ ตอนนี้ตามข้ามาก่อน มองอย่างระวังบางคนนั้นมาพร้อมความตั้งใจที่ไม่ดีนัก " จากนั้นเขาก็วางมือของเขาบนภูเขา



มันไม่ยากที่จะพลิกคว่ำภูเขาและมหาสมุทรด้วยการบ่มเพาะของหลี่ฉีเย่ ดังนั้นภูเขาขนาดปกตินี้ควรจะเบาโหวงและถูกเขาเคลื่อนย้ายโดยง่าย



ทว่าภูเขาสีดำนี้นั้นหนักอย่างมาก แม้กระทั้งใช้แรงสูงสุดของเขามันก็ยังขยับเพียงเล็กน้อย หากเป็นภูเขาลูกอื่นที่เจอแรงพลักของเขาพวกมันจะปลิวข้ามชั้นฟ้า



" ไป ! " หลี่ฉีเย่นั้นพลักภูเขาทั้งลูกไปยังเส้นทางที่แปลกประหลาด มันราวกับว่าเส้นทางนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นเดินตามหลังเขา นางไม่กล้าที่จะประมาทและใช้ดวงตาสวรรค์มองไปรอบๆ เพื่อระวังว่าจะมีคนอื่นมาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้



โชคดีที่ไม่มีใครเลือกภูเขาเคลื่อนคล้อยดังนั้นในทะเลทรายที่กว้างใหญ่จึงมีพวกเขาเพียงสองคน



" ไป ! " ภายใต้การพลักดันของหลี่ฉีเย่ ภูเขาสีดำก็เดินมาตามเส้นทางที่จะไปถึงใจกลางของทะเลทราย



ตอนนี้ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นเข้าใจได้ว่าทำไมผู้คนจึงไม่เลือกเส้นทางนี้ นางนั้นร่วมเป็นสักขีพยานในความแข็งแกร่งของหลี่ฉีเย่ที่บดขยี้ชะตาลี้ลับราวกับมด ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขายังขยับภูเขานี้ได้อย่างยากลำบาก ดังนั้นแน่นอนว่านางไม่สามารถขยับมันได้



" จงหมุน ! " ภูเขาสีดำนี้หนักเกินกว่าจินตนาการของผู้คน แม้แต่คนที่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพที่น่าตกตะลึงอย่างหลี่ฉีเย่ยังพบว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก



มันพึงผ่านมาได้ครึ่งทางกว่าจะถึงใจกลางทะเลทราย แต่ร่างกายของหลี่ฉีเย่อาบไปด้วยเหงื่อ



" พักสักหน่อยเถอะ " ฉิวหรงว่านเสวี่ยสังเกตเห็นอาการเหนื่อยหอบของเขาและเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง



หลี่ฉีเย่ยังคงดันมันต่อและส่ายหัว " ไม่ หากข้าไม่ไปต่อ มันจะเคลื่อนไหวกลับไปยังจุดเริ่มต้นของมัน เจ้าจะต้องดันมันไปให้ถึงเป้าหมายหรือไม่ก็ไม่ต้องทำมัน "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นตกตะลึง ไม่แปลกใจเลนทำไมถึงไม่มีใครเลือกภูเขาเคลื่อนคล้อย นางนั้นเชื่อว่ากระทั้งเซียนบรรพกาลก็ยังต้องพบความยุ่งยาก



หลี่ฉีเย่นั้นมีความมุ่งมั่นอย่างมาก แม้ว่าภูเขาดำสนิทนี้นั้นจะหนัก แต่เขาก็ยังคงดันมันต่อจนมันไปถึงใจกลางทะเลทรายได้ในที่สุด



หลังจากดันมันมาถึงใจกลางทะเลทราย เขาก็ได้ยินเสียง ' แกร๊ก ' ราวกับว่ามีบางอย่างได้ยึดภูเขานี้ไว้ ในตอนนี้เขาก็ปล่อยลอมหายใจออกยาวและรู้สึกว่าเขานั้นไร้เรียวแรง



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นกลายเป็นหวาดกลัวและพุ่งเข้ามากอดหลี่ฉีเย่อย่างรวดเร็วและเอ่ย " เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ? "



หลี่ฉีเย่หอบหายใจและเอ่ย " ให้ข้าได้พักหน่อย เหนื่อยจริงๆ..นี้มันยากจริงๆ "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยกอดเขาไว้และไปเลือกสถานที่ปลอดภัยก่อนจะนั่งพัก ในตอนนี้พลังงานในสายเลือดของเขาค่อยๆฟื้นฟู



หลังจากที่พลังงานของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นมา ฉิวหรงว่านเสวี่ยก็รู้สึกโล่งใจและเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง " เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ? "



หลี่ฉีเย่ยิ้มขณะที่อาบแดดและกำลังเพลิดเพลิน " นุ่มสบายอย่างมากที่ได้นอนหลับภายใต้อ้อมกอดของสาวงามเช่นนี้ นี้ยิ่งกว่าสบายเสียอีก "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นสะดุ้งและตระหนักได้ถึงสิ่งที่นางกำลังทำ ใบหน้าของนางค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางนั้นกอดเขาแน่นขณะที่หัวของเขาวางอยู่บนอกของนาง เขาก้มหน้ามุดลงไปในภูเขาหน้าอกสองลูก นอกจากนี้การแสดงออกของเขายังดูสบายและมีความสุขอย่างมาก



" นี้เจ้า ! " นางนั้นต้องการจะพลักเขาออกไปเพื่อปัดความเขินอาย



หลี่ฉีเย่โบกมือของเขาหยุดนางและอมยิ้มเอ่ย " อย่าได้โกรธเลยฉิวหรง หากข้าต้องการเอาเปรียบเจ้าจริงๆ ใช้วิธีการเช่นนี้ทำให้ข้าอับอายอย่างมาก หากข้าต้องการจะเพลิดเพลินไปกับความสนุกดังกล่าว เช่นนั้นข้าคงนำเจ้าไปบนเตียงและสัมผัสรสชาติของเจ้าและทำให้เจ้ามาเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว ข้ามีความเชือมั่นและมั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าได้กังวลนี้เป็นเพียงความสนุกเล็กน้อยและข้าไม่ได้มีควมตั้งใจที่ไม่ดี "



หัวของหลี่ฉีเย่ยังนอนอยู่บนภูเขาหน้าอกสองลูกของนางในลักษณะที่ผ่อนคลาย แม้ว่าจะดูน่าอายเล็กน้อย แต่หลี่ฉีเย่ก็ยังอยู่ในความสงบและไม่แสดงออกถึงความอยากทางกามอารมณ์



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่รู้ว่านาสงควรจะเอ่ยอะไรดี จากนั้นนางเริ่มเอ่ยถาม " เจ้ามั่นใจในตัวเองแบบนี้ตอดลเลยรึ ? เจ้าไม่รู้สึกบ้างรึว่าเจ้านั้นหยิ่งยโสและจองหองเกินไป ? "



" คนจำนวนมากมักจะบอกข้าเช่นนั้นเหมือนกัน " หลี่ฉีเย่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม " หากข้าเกรงทำเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนแล้ว เช่นนั้นข้าก็อาจจะกลายเป็นพวกหลอกลวง น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น ข้านั้นมีทั้งพลังและคุณสมบัติเพียงพอที่จะหยิ่งยโสสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงนิสัยของข้า แน่นอนว่าคนอื่นอาจจะคิดว่าข้านั้นยโสเกินไป "



" ช่างมันใจในตัวเองจริงๆ " ฉิวหรงว่านเสวี่ยอดไม่ได้ทีจะกล่าวล้อเลียน " เก้าโลกนั้นยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยผู้เชียวชาญนับไม่ถ้วน - เต็มไปด้วยเสือซ่อนและมังกรหมอบ การมั่นใจในตัวเองมากเกินไปไม่ใช่สิ่งที่ดี "



" นั้นมันสำหรับคนอื่น " หลี่ฉีเย่มีความสุขกับการนอนในปัจจุบันและเอ่ย " เก้าชั้นฟ้าและสิบแผ่นดินนั้นเต็มไปด้วยผู้เชียวชาญและตัวตนอมตะ แต่พวกนั้นล้วนไร้ค่าในสายตาข้า ข้าคือหลี่ฉีเย่ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นตกตะลึงไปชั่วขณะ ข้าคือหลี่ฉีเย่นี้ก็เพียงพอแล้ว - ดูราวกับเป็นประโยคธรรมดา แต่เมื่อมันออกมาจากปากของหลี่ฉีเย่ มันแผ่อำนาจที่พร้อมจะกวาดเก้าชั้นฟ้าและสิบแผ่นดินให้สยบแทบเท้า



ประโยคนี้เพียงอย่างเดียวก็บอกได้ทุกสิ่ง หลังจากฉิวหรงว่านเสวี่ยก็สงบลงและมองไปชายหนุ่มที่นอนอยู่ในอกของนาง ดวงตาของเขานั้นยังปิดอยู่และมีรอยยิ้มบนใบหน้า มันราวกับว่าสำหรับเขาทุกอย่างในโลกนี้เป็นเหมือนการไหลของสายน้ำ



เมื่อจ้องมองเป็นเวลานานนางรู้สึกว่าหลี่ฉีเย่นั้นเป็นคนลึกลับและเต็มไปด้วยปริศนาไม่ว่าจะพยามอย่างไรก็หาคำตอบไม่ออก



ความมั่นใจ , ความสงบ , ความธรรมดา , ความลึกซึ้ง - เหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ยิ่งใหญ่ของเขา ราวกับว่าเขานั้นเป็นสุดยอดเต๋า ทั้งสองอย่างนี้รวมเป็นความล่อตาล่อใจที่น่าหลงใหล



จากนั้นนางก็ค่อยๆลูบผมของเขาและลูบไปยังใบหน้าของเขาและพึมพำ " เจ้าเป็นใครกันแน่ ? "



หลี่ฉีเย่ยังคงปิดตาและมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า..



* * *



เขานั้นใช้เวลานานมากเพื่อที่จะพลักดันภูเขาทั้งห้าให้มายังใจกลางทะเลทราย เมื่อภูเขาทั้งหามารวมกัน..



" แกร๊ก ! "



พื้นดินที่ว่างเปล่าเมื่อถูกล้อมไปด้วยภูเขาทั้งห้า ทันใดนั้นมันก็ถูกเปิดราวกับกล่องสมบัติ หลี่ฉีเย่เข้าไปดูมันอย่างรวดเร็วและพบว่าไม่มีอะไรอยู่ภายใน



" น่าเสียดาย ของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ " เขานั้นถอนหายใจด้วยความผิดหวัง



ฉิวหรงว่านเสวี่ยก็รู้สึกผิดหวังเช่นนั้น จากนั้นนางก็จำได้ถึงสิ่งที่หลี่ฉีเย่บอกก่อนหน้าและเอ่ยถาม " เจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่ ? "



เขานั้นชัดเจนว่าเข้ามาในทะเลทรายเพื่อตามหาของบางอย่างและนี้ยิ่งกระตุ้นควาอยากรู้ของนาง ของแบบใดกันที่กระตุ้นความสนใจของหลี่ฉีเย่ได้ ?



" เจ้าอยากจะรู้จริงๆ ? " หลี่ฉีเย่ยิ้มให้นางและเอ่ยถาม



" รีบบอกข้ามา " นางมองไปที่เขาด้วยความขุ่นเคืองและเอ่ย



" มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หากจะบอกเจ้า สิ่งที่ข้ากำลังหาอยู่คือกุญแจเปิดหลุมฝังศพแห่งลางร้าย "



" กุญแจเปิดหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ! " ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นกลายเป็นตกตะลึงและมองหลี่ฉีเย่เป็นเวลาน...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้