ตอนที่ 437 ตามหาสมบัติที่แม่น้ำผี

" อ้ากก ! " เสียงกรีดร้องอันน่าอนาถดังออกมาผู้ฝึกตนที่ถูกจับโดยโครงกระดูกสีขาว ' ตูม ' ร่างกายของเขาทันใดนั้นก็ถูกลากลงไปยังแม่น้ำผี



" ตาย ! " ผู้ฝึกตนอีกคนคำรามพร้อมกับเข้าร่วมการต่อสู้และปลดปล่อยอำนาจของเขา ทำให้เกิดละลอกเคลื่อนสาดไปทั่ว



ทั้งสี่คนนี้เป็นอัจฉริยะจากเผ่าพันธ์ผี หลังจากใช้ทักษะที่ทรงอำนาจพวกเขาก็สามารถหลบหนีจากการโจมตีของสัตว์ร้ายเหล่านี้และวิ่งออกมาจากแม่น้ำผีได้



ในฐานะที่แต่ละคนได้ลำต้นกลับมา พวกเขาทันใดนั้นก็จ่ายปลาหยางราตรีให้กับนิกายผี



หลังจากทำเสร็จ พวกเขาก็แกะสาหร่ายที่อยู่รอบๆลำต้นออก ผู้เยาว์สองคนนั้นไม่ได้รับสิ่งใดเลย หนึ่งคนได้รับหมวกโบราณและอีกคนได้รับโล่ที่แตกหัก พวกมันทั้งสองจัดเป็นของระดับต่ำสุด - ไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อย



อีกสองคนนั้นโชคดีกว่าเล็กน้อย หนึ่งได้รบเหรียญโบราณที่ไม่รู้ต้นกำเนิด แต่มีความศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากมัน



ชายหนุ่มคนสุดท้ายโชคดีที่สุดได้รับหินสีชาต มันมีขนาดเท่ากับกำปั้นและมีเปลวไฟคลุมอยู่ ราวกับมีนกขนาดเล็กกำลังจะบินออกมา



" ฮ่าฮ่า ของชิ้นนี้ช่างคุ้มค่าอย่างยิ่ง ! " คนที่ได้รับหินสีชาตนั้นอุทานอย่างมีความสุข หินนี้นั้นมีค่าอย่างมากดังนั้นเขาจึงเก็บมันอย่างรวดเร็ว



คนอื่นๆนั้นอุทานอย่างชื่นชม บางคนเอ่ย " โชคดีอย่างยิ่ง ข้านั้นยืนรอมาสิบวันแล้วและหินสีชาตนั้นเป็นของที่ดีที่สุดในตลอดสิบวันที่ผ่านมา "



หลังจากเรื่องนี้ บางคนก็ละทิ้งการทดสอบโชตของเขา สุดท้ายแม่น้ำผีนั้นก็อันตรายเกินไป ทุกครั้งที่มีคนพยามจะจบลงด้วยคนตายหนึ่งหรือสองคน ทว่าบางคนนั้นไม่เต็มใจและตัดสินใจที่จะอยู่



" แม้ว่าแม่น้ำผีจะเป็นสถานที่ที่อันตราย แต่มันเป็นหนึ่งสถานที่ในสุสานที่มีสมบัติมีค่ามากที่สุด ความจริงก็คือ อาวุธศักดิ์สิทธิ์บางชิ้นก็มาจากสถานที่แห่งนี้ " ผู้ฝึกตนบางคนเอ่ย



นี้มีเหตุผลในเมื่อสมบัติจำนวนมากอยู่ที่นี่แม่น้ำนี้จึงยิ่งอันตรายมากขึ้น ตัวอย่างเช่นสุดยอดสมบัติที่ถูกหยิบไปโดยจักจพรรดิอมตะจูเทียน มันอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่โบราณอย่างมาก



มันไม่มีรูปแบบของลำต้นที่ลอบมาตามน้ำ บางครั้งพวกมันก็มาจำนวนมากบางครั้งก็มาเพียงนิดเดียว ผู้ฝึกตนทุกคนรออยู่ที่ท่าเรือเพื่อรอพวกมัน



บางคนกระทั้งอยู่ที่นี่หลายเดือนเพื่อที่จะดูว่าพวกเขาจะสามารถรับทักษะดีๆจากลำต้นเหล่านี้ได้หรือไม่



เมื่อใดก็ตามที่ลำต้นเหล่านี้ลอยออกมา บางคนนั้นจะลงมือและบางคนจะตาย ศพของคนตายเหล่านั้นพวกเขาจะหายไปด้านใต้ของแม่น้ำผี



หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นยังอยู่ที่ท่าเรือ เขานั้นไม่ได้ลงมือใดๆและทำเพียงแค่ดูลำต้นลอยผ่านไป พวกเขานั้นอยู่ที่ท่าเรือนานกว่าสิบวัน บางคนมาทดสอบโชคบางคนก็จากไปเพราะความกลัว



ภายในสิบวันไม่มีใครพบอะไร บางคนได้รับสิ่งของที่ดีหนึ่งหรือสองอย่าง แต่ไม่มีอะไรน่าตกตะลึง



วันนี้หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยก็ยังยืนอยู่ที่แม่น้ำผี ทันใดนั้นก็มีเสียงที่มืดมนลอยออกมา " แม่น้ำผี ถึงเวลาทดสอบโชคของข้าแล้ว "



คำกล่าวเหล่านั้นสะท้อนไปทั่วท่าเรือ แต่ไม่มีใครเห็นคนพูด ผู้เยาว์ที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่มีใครอ่อนแอ แต่หัวใจของพวกเขานั้นเต้นรั่วแม้ว่าพวกเขาสจะไม่เห็นคนพูด แต่เขาต้องเป็นผู้เชียวชาญแน่นอน



ขณะที่ทุกคนมองไปรอบๆเพื่อหาแหล่งที่มาของเสียง เสียง ' ตุบ ' ก็ดังขึ้น ควันสีม่วงทันใดนั้นก็รวมตัวกันเป็นเงาคล้ายกับผี



ผู้คนเปิดดวงตาสวรรค์ของพวกเขาและพบว่ามีชายหนุ่มหล่อเหล่าออกมาจากควัน ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับไม่เคยโดยแดดมาหลายปี เขาเป็นเหมือนผีที่อาศัยอยู่ในความมืด



" เย่ชา ! " ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จำนวนมากใบหน้าซีดหลังจากเห็นชายคนนี้ปรากฏตัว พวกเขาทันใดนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงชายคนนี้



ชื่อของ ' เย่ชา ' เปลี่ยนการแสดงออกของฉิวหรงว่านเสวี่ย เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนคนอื่นที่ระวังเย่ชาอย่างมาก



เย่ชานั้นเป็นตัวตนที่มีเชื่อเสียงอย่างมากในดินแดนเมฆเหินและแม้แต่โลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ เขานั้นเป็นลูกหลานของนิกายเยือนราตรีในดินแดนเมฆเหิน ซึ่งประกอบไปด้วยเผ่าเยือนราตรี



เผ่าเยือนราตรีเป็นเผ่าของผีดูดเลือด สมาชิกของพวกเขานั้นมาและไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครติดตามได้ยิ่งเป็นเวลานากลางคืน มันเป็นเหมือนกับสวรรค์ของพวกเขา



เย่ชาเป็นนักฆ่า แต่เขาไม่ทำงาน เขาเพียงแค่ฆ่าคนที่เป็นศัตรูกับเขา ในปัจจุบันเขามีเชื่อเสียงอย่างมากเพราะเขาได้ฆ่าตัวตนที่มีชือเสียงไปหลายคน รวมถึงอัจฉริยะ , ผู้นำนิกาย และขุนนางที่ทำให้เขาโกรธเคือง



กระทั้งผู้นำนิกายที่ทรงอำนาจจากรุ่นเก่าก็ยังถูกเขาสังหารอย่างโหดเหี้ยม



เขาไม่เคยปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นธรรม เมื่อมีคนต่อต้านเขา เขาจะเหมือนเงาคอยตามติดคนคนนั้น และเขาจะเริ่มทรมานจนกว่าเหยื่อจะตาย



สำหรับผู้ฝึกตน ความขับข้องใจและความแค้นเป็นสิ่งธรรมดา วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะยุติพวกมันก็คือการต่อสู้



โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าอัจฉริยะที่ชอบใช้อำนาจของตัวเองจัดการกับศัตรูของเขา นี้เป็นสิ่งที่จะฝึกฝนพวกเขา มีการกวาดผ่านศัตรูทั้งหมดถึงจะไปยังจุดสูงสุดได้



ทว่าการลอบสังหารนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยทำโดยเฉพาะเหล่าอัจฉริยะ แม้แต่ศิษย์จากนิกายทรงอำนาจก็ยังเลือกที่จะต่อสู้เป็นกลุ่มเพื่อแสดงอำนาจของนิกาย



ทว่าเย่ชาคนที่มาจากนิกายเยือนราตรี ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้น เขานั้นเป็นนักฆ่าและเลือกฆ่าศัตรูของเขาโดยไม่เลือกวิธีการ



ด้วยเหตุนี้เย่ชาถึงไม่มีรายชื่ออยู่ในหมู่อัจฉริยะของโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ แต่คนจำนวนมากหวาดกลัวเขา กระทั้งอัจฉริยะที่แข็งแกร่งก็ยังหวาดกลัวต่อการปรากฏตัวของเขา



เย่ชายิ้มก่อนจะมองไปยังผู้ฝึกตนที่ถอยห่างจากเขาไปด้วยความหวาดกลัวและเอ่ย " สหายทั้งหลาย ข้าไม่ได้ฆ่าทุกคน ทำไมพวกท่านต้องมาข้าราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นด้วย ? "



" ชื่อเสียงของศิษย์พี่เย่ชานั้นราวกับสายฟ้า ดังนั้นการปรากฏตัวของท่านจึงทำให้พวกเราตกตะลึง " ไม่มีใครต้องการจะยั่วยุเขา แม้ว่าเขานั้นจะไม่แข็งแกร่ง แต่ไม่มีใครต้องการถูกเขาตามล่า



เย่ชานั้นส่งเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกและกวาดตามองไปรอบๆ เขาสังเกตเห็นหลี่ฉีเย่ไม้ได้ขยับและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " มนุษย์ตัวน้อย เจ้าไม่กลัวข้า ? "



หลี่ฉีเย่มองไปที่เขาและเอ่ยตอบช้าๆ " ข้าไม่รู้จักเจ้า ทำไมต้องกลัว ? "



ผู้ฝึกตนจำนวนมากเริ่มที่เหงื่อตกแทนหลี่ฉีเย่ หากมีคนทำให้เย่ชาโกรธเคือง พวกเขานั้นไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่



เย่ชามองไปยังหลี่ฉีเย่และสังเกตเห็นความธรรมดาสามัญจากเขา จากนั้นเขาก็พยักหน้าและเอ่ย " ข้าเข้าใจ มดเช่นเจ้านั้นอาจจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ยินชื่อข้า "



หลี่ฉีเย่เพียงยิ้มและไม่แยแสสิ่งใด เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปยังเย่ชา สำหรับเย่ชามนุษย์ตัวน้อยด้านหน้านั้นราวกับแมลง มันไม่คุ้มค่าพอให้เขาลงมือ



หลังจากเย่ชายืนอยู่ที่ท่าเรือหนึ่งวัน เขาก็เลือกลำต้นขึ้นมาจากแม่น้ำ เจาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปยังแม่น้ำและนำลำต้นขึ้นมาสี่ลำ



สี่สัตว์ประหลาดที่ดุร้ายปรากฏออกมาเมื่อเย่ชาพยามจะนำลำต้นออกจากแม่น้ำ เย่ชาทำเพียงยิ้มอย่างไม่แยแส เขาทันใดนั้นก็กลายเป็นหมอกควันและได้ยินเสียงต่อสู้ตามมา



ผ่านไปชั่วครู่สัตว์ประหลาดทั้งสี่นั้นก็ถูกเย่ชาสังหารและเขาก็จากไป เขาโยนปลาหยางราตรีออกมาก่อนจะจากไปและไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับสิ่งใด



" แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ! " หลังจากเห็นเขาจากไปแล้ว ผู้ฝึกตนก็อุทานอย่างโล่งใจ ไม่มีใครอย่างจะอยู่ใกล้ชิดกับนักฆ่านั้นมันอันตรายเกินไป



" เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ข้าได้ยินว่าเขาพึงลอบสังหารราชาจากประตูวัวเหล็ก ข่าวลือว่าราชนนั้นเป็นองค์รักษ์น้อย แต่เขาก็ยังตายด้วยน้ำมือเย่ชา " ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เอ่ย



ผู้ฝึกตนทุกคนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขานั้นเต้นอย่างรวดเร็ว สำหรับอัจฉริยะองค์รักษ์น้อยนั้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างมาก โดยเฉพาะเป็นคนจากยุคเก่า เย่ชาสามารถสังหารเขาได้นี้ยิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึง



หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นอยู่ที่ท่าเรือเป็นเวลายี่สิบเอ็ดวัน วันที่ยีสิบสองกลุ่มของลำต้นลอยลงมา หลี่ฉีเย่คนที่มองไปยังลำต้นเหล่านี้ ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังและหรี่สายตาลง...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้