ตอนที่ 440 เจ้าชายประกายศักดิ์ศิทธิ์
ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอียงศีรษะของนางและเอ่ย " เจียงฉวน...หรือว่าเขาจะเป็นลูกหลานของบึงไร้เขตแดน ? ข้าได้ยินว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หายาก แต่ปรากฏว่าเขานั้นหลวงจีน ! "
หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ย " บางที "
บางทีหลวงจีนนั้นอาจจะไม่ได้มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแห่งความทรงจำเพื่อหาความลับบางอย่าง มันเป็นเพราะว่าเขาต้องการจะซ่อนตัวจากบางคนมากกว่า
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนึกถึงคำพูดของหลวงจีนก่อนหน้าและเอ่ยถาม " นายน้อยมีคู่หมั้นแล้ว ? "
หลี่ฉีเย่มองไปยังกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ที่แผ่ออกมาจากตัวนางและเอ่ย " ทำไม ? เจ้าหึง ? "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยจ้องเขาอย่างขุ่นเคืองและเอ่ย " เจ้ารู้สึกบางหรือไม่ว่าเจ้าหลงตัวเองมากเกินไป ? ราวกับว่าข้านั้นชอบเจ้า อีกอย่างคู่หมั้นของเจ้าต่างหากที่ควรจะหึงหวง ไม่ใช่ข้า ! "
แม้ว่าจะโกรธ เสน่ห์ของความเป็นผู้ที่นางมีก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
" เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น " หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ยต่อ " ไม่มีสตรีคนใดที่ข้าไม่สามารถจัดการได้ หากข้าต้องการจะแต่งงานกับเจ้า มันก็ไม่มีใครสามารถห้ามข้าได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยจ้องเขาและเอ่ย " เคยมีใครบอกหรือไม่ว่าเจ้านั้นจองหองอย่างมาก ? " ด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่และความแง่งอนแบบสาวแรกรุ่นทำให้นางดูน่าหลงใหลลอย่างมาก
" เคยมีคนพูดเช่นนี้มาก่อน " หลี่ฉีเย่เอ่ยช้าๆ " แต่นี้ไม่เรียว่าความจองหอง แต่เรียกว่าความแข็งแกร่ง ข้าหลี่ฉีเย่ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่สามารถจัดการได้ "
ฉิวหรงนั้นไม่ได้สิ่งใดจะเอ่ยนอกจากถอนหายใจ หลี่ฉีเย่กล่าวถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้
* * *
" กลางเมือง " นี้ไม่ใช่ชื่อจริงของสถานที่แห่งนี้ในสุสานใหญ่ ทว่าเพราะว่าเมืองนี้นั้นอยู่จุดศูนย์กลาง ผู้ฝึกตนภายนอกจึงเรียกที่นี่ว่ากลางเมือง
มันเป็นเมืองที่เก่าแกและมีชีวิตชีวา กลางเมืองนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสุสานใหญ่ มันมีคลื่นของฝูงชนจำนวนมากอยู่ในเมืองนี้ รวมถึงผีและมนุษย์ ความแต่งต่างระหว่างทั้งสองนั้นคือภาพเบลอกับความชัดเจน ผู้คนนั้นคุ้นเคยที่จะอยู่ร่วมกับผี นอกจากนี้พวกเขายังไม่ใช่ผีแต่เป็นก้อนความรู้สึก ดังนั้นมันจึงแยกพวกเขาออกจากผู้ฝึกตนภายนอกได้อย่างง่าย
เมื่อพวกเขาทั้งสองเขามายังกลางเมือง พวกเขาก็สามารถหาเวลาและสถานที่ของการประมูลภูติปีศาจเคาะโลงศพ พวกเขาพบว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงบ่าย
ฉิวหรงว่านเสวี่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเมื่อเข้ามากลางเมือง " การประมูลจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน "
แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนมาเข้ามาตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่สุสานใหญ่เป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่นานแต่พวกเขาก็ไม่ลืมการประมูลหรือการแข่งขันของนิกายได้
การประมูลถูกจัดขึ้นที่บ้านพักชั่วคราว แม้ว่าจะมีการมาเยือนสถานที่นี่หลายครั้งก่อนหน้า แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ฉิวหรงว่านเสวี่ยได้ยินเกี่ยวกับการประมูล
" มันมีเป็นครั้งคราว " หลี่ฉีเย่เอ่ย " หากนี้คือการประมูลภูติปีศาจ เช่นนั้นมันย่อมน่าประทับใจ มันจะมีของประมูลที่มีคุณภาพสูงอย่างมาก "
" ภูติปีศาจ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม " นั้นไม่ใช่ผีในสุสานใหญ่ ? "
หลี่ฉีเย่หรี่สายตาของเขาและเอ่ยตอบ " นี้...ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครรู้ ไม่ว่าภูติปีศาจจะเป็นผีหรือสิ่งมีชีวิตล้วนเป็นเรื่องลึกลับ บางคนเชื่อว่าเขาเป็นผี ขณะที่บางเชื่อว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตปกติ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปยังหลี่ฉีเย่ นางรู้สึกว่าเขาจะต้องรู้บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่เอ่ยบอกนางก็ไม่เอ่ยถาม
การประมูลภูติปีศาจเคาะโรงศพนั้นจะเริ่มประมูลในลานเก่าแก่ในกลางเมือง ทว่าหากจะเรียกมันว่าลานควรจะเรียกมันว่าคฤหาสน์ร้างจะเหมาะกว่า นี้เป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้นานมาแล้ว มันมีลานที่สามารถบรรจุคนได้นับพัน
ทั้งสองนั้นเดินไปรอบๆก่อนจะถึงเวลาประมูล ฝูงชนขนานใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนจากด้านนอกมารวมกันที่นี่
ข่าวเกี่ยวกับการประมูลนั้นได้แพร่กระจายภายในไม่กี่วันมานี้ด้วยแหล่งข่าวที่ไม่มีใครรู้ มันไม่เคยมีการจัดประมูลในสุสานใหญ่มาก่อน ดังนั้นข่าวของการประมูลภูติปีศาจเคาะโรงศพจะดึงดูดผู้ฝึกตนที่อยากรู้อยากเห็น
ไม่ว่าจะมาเพื่อประมูลหรือว่ามีเพื่อชมความสนุก ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ก็มาที่นี่จำนวนมากหลังจากได้ยินข่าว
ทุกคนนั้นสามารถมีส่วนร่วมกับงานประมูลได้เพราะมันไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ทว่าการประมูลนี้ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับการประมูลทั่วไป มันไม่มีงานเลี้ยงตอนรับผู้เข้าร่วม ดังนั้นทุกคนจึงต้องเลือกที่นั่งของตัวเอง บางคนนั่งบนพื้น ขณะที่บางคนนั่งบนฟ้า บางคนกระทั้งนำสมบัติลอยได้ของพวกเขาออกมา....
หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยสักเกตเห็นคนนับร้อยอยู่ภายในรวมถึง เขาคือโม่หลี่ต้า ลูกหลานของประตูปีศาจนภา คนที่พวกเขาเจอก่อนที่ประตูห้าเขตแดนก่อนหน้า
โม่หลี่ต้านั้นตัวสูงอย่างมาก เขานั้นดูเหมือนยักษ์ในหมู่ไก่ ความจริงความสูงของเขาไม่ได้โดดเด่นแต่เป็นความแข็งแกร่งของเขาที่โดดเด่นอย่างมาก
" หลายคนเป็นศิษย์จากนิกายทรงอำนาจ " เห็นผู้เยาว์จำนวนมาก ฉิวหรงว่านเสวี่ยพึมพำ " คนจำนวนมากมายังสุสานใหญ่เร็วๆนี้ "
หลี่ฉีเย่เอ่ย " มันจะยิ่งมีมากขึ้นในภายหลัง " หากทั้งโลกรู้ว่าหลุมฝังศพแห่งลางร้ายกำลังจะเปิด นิกายทรงอำนาจและเชื้อสายจักรพรรดิในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์จะต้องมาที่นี่ ทุกคนล้วนถูกล่อใจโดยหลุมฝังศพ - ไม่ว่าใครก็ไม่มีข้อยกเว้น !
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปรอบๆและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ " ทำไมถึงไม่มีคนจากสุสานใหญ่ ? หรือที่นี่จำกัดเฉพาะผู้ฝึกตน ? "
การะประมูลที่น่าประหลาดนี้มีเพียงฝูงชนจากด้านนอก ตัวตนในสุสานใหญ่และผู้ฝึกตนผีจากนิกายล้วนไม่มีใครมา
หลี่ฉีเย่มองไปรอบๆและเอ่ยตอบคำถามนาง " หากเจ้าเป็นผีในสุสานใหญ่และรู้เกี่ยวกับภูติปีศาจ เช่นนั้นเจ้าจะไม่มายังการประมูลนี้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " ภูติปีศาจนั้น่ากลัวมากรึ ? "
" ภูติปีศาจต..." หลี่ฉีเย่หรี่ดวงตาของเขาและเอ่ย " นั้นขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจำกัดความคำว่า ' น่ากลัว ' อย่างไร หากเจ้าบอกว่าเขานั้นน่ากลัว เช่นนั้นเขาก็จะน่ากลัว ทว่าหากเจ้าบอกว่าเขาไม่น่ากลัว เขาก็จะไม่น่ากลัว "
ได้ยินคำตอบนี้ ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองเขาอย่างโกรธๆ " เช่นนั้นก็ไม่ต้องบอกข้า เก็บคำพูดของเจ้าไว้เถอะ "
หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย " ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างได้พยามหาตัวตนของภูติปีศาจ ใครก็ตามที่พยามจะหาตัวตนของเขาไม่ได้พบจุดจบที่ดี..."
คำเตือนของหลี่ฉีเย่ทำให้หัวใจนางเต้นรั่ว คนที่ไม่แยแสสิ่งใดตลอดเวลาถึงกับต้องเอ่ยเตือนนาง นางเข้าใจได้ว่านี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
" ฮ่าฮ่า มันดุเหมือนว่าข้าจะไม่ได้มาช้าไป " ทันใดนั้นเสียงที่ราวกับศพก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกลุ่มควัน จากนั้นก็มีคนปรากฏออกมา
" เย่ชา ! " ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์กลายเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายคนนี้ปรากฏออกมา
เย่ชานั้นมีความสุขที่เห็นคนอื่นหวาดกลัวและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " อย่าได้ตื่นตระหนก ข้านั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาด " แม้จะมีคำกล่าวนี้ออกมา กลิ่นอายความตายตัวเขาก็ไม่ได้ลดลง
" เย่ชาอย่าได้มายิ่งยโสที่นี่ " ทันใดนั้นก็มีเสียงออกมา " ดินแดนเมฆเหินนั้นไม่ได้มีเจ้าเป็นวีรบุรุษ " ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มนำกลุ่มของเขาเดินออกมา มีเปลวไฟเผาไหม้ทั่วร่างกายของเขาพร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ราวกับเขาเป็นลูกของเทพ
" เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ " ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เดินไปทักทายเมื่อชายคนนี้มาถึง
เขานั้นคือเจ้าชายของประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์ น้องชายของเจ้าหญิงฟินิกส์ประกายศักดิ์ศิทธิ์ เขานั้นมาพร้อมกับศิษย์ประกายศักดิ์ศิทธิ์ด้วยกลิ่นอายที่หยิ่งยโส
เย่ชามองไปยังเจ้าชายและยิ้มอย่างเย็นชา " เป็นว่าเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ก็มา ข้าขอออภัยด้วย " เย่ชากล่าวอย่างไม่แยแส " ทว่าเจ้าก็ยังมาแสดงอำนาจที่นี่ "
" แล้วไง ? หากเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยิ่งยโสได้ เช่นนั้นก็ไปยโสต่อหน้าพี่สาวข้า ! " คำกล่าวนี้ทรงอำนาจอย่างมาก ผู้ฝึกตนหลายคนไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องนี้
คำกล่าวนี้ทำให้การแสดงออกของเย่ชาเปลี่ยนไป เขานั้นเป็นคนที่หยิ่งยโสอย่างมาก แต่นักฆ่าเช่นเขาก็ระวังเมื่อเผชิญกับเจ้าหญิงฟินิกส์ประกายศักดิ์สิทธิ์
ไม่เพียงแต่เจ้าหญิงฟินิกนั้นจะเป็นลูกรักของสวรรค์ นางยังเป็นคู่หมั้นของตี๋เชา !
ทุกคนในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ล้วนหวาดกลัวเมื่อพุดถึงตี๋เชา หนึ่งในสามวีรีบุรุษ เขานั้นเป็นลูกหลานของบัลลังก์หมื่นกระดูก นิกายทรงอำนาจที่มีสามจักรพรรดิอมตะ !
ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุตี๋เชาในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์
เย่ชาทำได้เพียงยับยังความโกรธของเขา เขามั่นใจว่าการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าชายประกาศศักดิ์สิทธิ์และสังหารเขาได้ แต่ตอนนี้เจ้าชายหงายยไพ่ในมือและทำให้เขาต้องคิดใหม่
" เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ เพียงความแข็งแกร่งของเจ้านับว่าไร้ประโยชน์ " เย่ชากล่าวอย่างเย็นชา เขานั้นไม่มีทางไว้หน้าเจ้าชายหากเขาไม่ยกพี่สาวตัวเองมาขู่...
ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอียงศีรษะของนางและเอ่ย " เจียงฉวน...หรือว่าเขาจะเป็นลูกหลานของบึงไร้เขตแดน ? ข้าได้ยินว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หายาก แต่ปรากฏว่าเขานั้นหลวงจีน ! "
หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ย " บางที "
บางทีหลวงจีนนั้นอาจจะไม่ได้มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแห่งความทรงจำเพื่อหาความลับบางอย่าง มันเป็นเพราะว่าเขาต้องการจะซ่อนตัวจากบางคนมากกว่า
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนึกถึงคำพูดของหลวงจีนก่อนหน้าและเอ่ยถาม " นายน้อยมีคู่หมั้นแล้ว ? "
หลี่ฉีเย่มองไปยังกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ที่แผ่ออกมาจากตัวนางและเอ่ย " ทำไม ? เจ้าหึง ? "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยจ้องเขาอย่างขุ่นเคืองและเอ่ย " เจ้ารู้สึกบางหรือไม่ว่าเจ้าหลงตัวเองมากเกินไป ? ราวกับว่าข้านั้นชอบเจ้า อีกอย่างคู่หมั้นของเจ้าต่างหากที่ควรจะหึงหวง ไม่ใช่ข้า ! "
แม้ว่าจะโกรธ เสน่ห์ของความเป็นผู้ที่นางมีก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
" เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น " หลี่ฉีเย่ยิ้มและเอ่ยต่อ " ไม่มีสตรีคนใดที่ข้าไม่สามารถจัดการได้ หากข้าต้องการจะแต่งงานกับเจ้า มันก็ไม่มีใครสามารถห้ามข้าได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยจ้องเขาและเอ่ย " เคยมีใครบอกหรือไม่ว่าเจ้านั้นจองหองอย่างมาก ? " ด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่และความแง่งอนแบบสาวแรกรุ่นทำให้นางดูน่าหลงใหลลอย่างมาก
" เคยมีคนพูดเช่นนี้มาก่อน " หลี่ฉีเย่เอ่ยช้าๆ " แต่นี้ไม่เรียว่าความจองหอง แต่เรียกว่าความแข็งแกร่ง ข้าหลี่ฉีเย่ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่สามารถจัดการได้ "
ฉิวหรงนั้นไม่ได้สิ่งใดจะเอ่ยนอกจากถอนหายใจ หลี่ฉีเย่กล่าวถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้
* * *
" กลางเมือง " นี้ไม่ใช่ชื่อจริงของสถานที่แห่งนี้ในสุสานใหญ่ ทว่าเพราะว่าเมืองนี้นั้นอยู่จุดศูนย์กลาง ผู้ฝึกตนภายนอกจึงเรียกที่นี่ว่ากลางเมือง
มันเป็นเมืองที่เก่าแกและมีชีวิตชีวา กลางเมืองนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสุสานใหญ่ มันมีคลื่นของฝูงชนจำนวนมากอยู่ในเมืองนี้ รวมถึงผีและมนุษย์ ความแต่งต่างระหว่างทั้งสองนั้นคือภาพเบลอกับความชัดเจน ผู้คนนั้นคุ้นเคยที่จะอยู่ร่วมกับผี นอกจากนี้พวกเขายังไม่ใช่ผีแต่เป็นก้อนความรู้สึก ดังนั้นมันจึงแยกพวกเขาออกจากผู้ฝึกตนภายนอกได้อย่างง่าย
เมื่อพวกเขาทั้งสองเขามายังกลางเมือง พวกเขาก็สามารถหาเวลาและสถานที่ของการประมูลภูติปีศาจเคาะโลงศพ พวกเขาพบว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นในช่วงบ่าย
ฉิวหรงว่านเสวี่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเมื่อเข้ามากลางเมือง " การประมูลจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน "
แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนมาเข้ามาตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่สุสานใหญ่เป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่นานแต่พวกเขาก็ไม่ลืมการประมูลหรือการแข่งขันของนิกายได้
การประมูลถูกจัดขึ้นที่บ้านพักชั่วคราว แม้ว่าจะมีการมาเยือนสถานที่นี่หลายครั้งก่อนหน้า แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ฉิวหรงว่านเสวี่ยได้ยินเกี่ยวกับการประมูล
" มันมีเป็นครั้งคราว " หลี่ฉีเย่เอ่ย " หากนี้คือการประมูลภูติปีศาจ เช่นนั้นมันย่อมน่าประทับใจ มันจะมีของประมูลที่มีคุณภาพสูงอย่างมาก "
" ภูติปีศาจ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม " นั้นไม่ใช่ผีในสุสานใหญ่ ? "
หลี่ฉีเย่หรี่สายตาของเขาและเอ่ยตอบ " นี้...ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครรู้ ไม่ว่าภูติปีศาจจะเป็นผีหรือสิ่งมีชีวิตล้วนเป็นเรื่องลึกลับ บางคนเชื่อว่าเขาเป็นผี ขณะที่บางเชื่อว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตปกติ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปยังหลี่ฉีเย่ นางรู้สึกว่าเขาจะต้องรู้บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่เอ่ยบอกนางก็ไม่เอ่ยถาม
การประมูลภูติปีศาจเคาะโรงศพนั้นจะเริ่มประมูลในลานเก่าแก่ในกลางเมือง ทว่าหากจะเรียกมันว่าลานควรจะเรียกมันว่าคฤหาสน์ร้างจะเหมาะกว่า นี้เป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้นานมาแล้ว มันมีลานที่สามารถบรรจุคนได้นับพัน
ทั้งสองนั้นเดินไปรอบๆก่อนจะถึงเวลาประมูล ฝูงชนขนานใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนจากด้านนอกมารวมกันที่นี่
ข่าวเกี่ยวกับการประมูลนั้นได้แพร่กระจายภายในไม่กี่วันมานี้ด้วยแหล่งข่าวที่ไม่มีใครรู้ มันไม่เคยมีการจัดประมูลในสุสานใหญ่มาก่อน ดังนั้นข่าวของการประมูลภูติปีศาจเคาะโรงศพจะดึงดูดผู้ฝึกตนที่อยากรู้อยากเห็น
ไม่ว่าจะมาเพื่อประมูลหรือว่ามีเพื่อชมความสนุก ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ก็มาที่นี่จำนวนมากหลังจากได้ยินข่าว
ทุกคนนั้นสามารถมีส่วนร่วมกับงานประมูลได้เพราะมันไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ทว่าการประมูลนี้ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับการประมูลทั่วไป มันไม่มีงานเลี้ยงตอนรับผู้เข้าร่วม ดังนั้นทุกคนจึงต้องเลือกที่นั่งของตัวเอง บางคนนั่งบนพื้น ขณะที่บางคนนั่งบนฟ้า บางคนกระทั้งนำสมบัติลอยได้ของพวกเขาออกมา....
หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยสักเกตเห็นคนนับร้อยอยู่ภายในรวมถึง เขาคือโม่หลี่ต้า ลูกหลานของประตูปีศาจนภา คนที่พวกเขาเจอก่อนที่ประตูห้าเขตแดนก่อนหน้า
โม่หลี่ต้านั้นตัวสูงอย่างมาก เขานั้นดูเหมือนยักษ์ในหมู่ไก่ ความจริงความสูงของเขาไม่ได้โดดเด่นแต่เป็นความแข็งแกร่งของเขาที่โดดเด่นอย่างมาก
" หลายคนเป็นศิษย์จากนิกายทรงอำนาจ " เห็นผู้เยาว์จำนวนมาก ฉิวหรงว่านเสวี่ยพึมพำ " คนจำนวนมากมายังสุสานใหญ่เร็วๆนี้ "
หลี่ฉีเย่เอ่ย " มันจะยิ่งมีมากขึ้นในภายหลัง " หากทั้งโลกรู้ว่าหลุมฝังศพแห่งลางร้ายกำลังจะเปิด นิกายทรงอำนาจและเชื้อสายจักรพรรดิในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์จะต้องมาที่นี่ ทุกคนล้วนถูกล่อใจโดยหลุมฝังศพ - ไม่ว่าใครก็ไม่มีข้อยกเว้น !
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปรอบๆและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ " ทำไมถึงไม่มีคนจากสุสานใหญ่ ? หรือที่นี่จำกัดเฉพาะผู้ฝึกตน ? "
การะประมูลที่น่าประหลาดนี้มีเพียงฝูงชนจากด้านนอก ตัวตนในสุสานใหญ่และผู้ฝึกตนผีจากนิกายล้วนไม่มีใครมา
หลี่ฉีเย่มองไปรอบๆและเอ่ยตอบคำถามนาง " หากเจ้าเป็นผีในสุสานใหญ่และรู้เกี่ยวกับภูติปีศาจ เช่นนั้นเจ้าจะไม่มายังการประมูลนี้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " ภูติปีศาจนั้น่ากลัวมากรึ ? "
" ภูติปีศาจต..." หลี่ฉีเย่หรี่ดวงตาของเขาและเอ่ย " นั้นขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจำกัดความคำว่า ' น่ากลัว ' อย่างไร หากเจ้าบอกว่าเขานั้นน่ากลัว เช่นนั้นเขาก็จะน่ากลัว ทว่าหากเจ้าบอกว่าเขาไม่น่ากลัว เขาก็จะไม่น่ากลัว "
ได้ยินคำตอบนี้ ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองเขาอย่างโกรธๆ " เช่นนั้นก็ไม่ต้องบอกข้า เก็บคำพูดของเจ้าไว้เถอะ "
หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย " ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างได้พยามหาตัวตนของภูติปีศาจ ใครก็ตามที่พยามจะหาตัวตนของเขาไม่ได้พบจุดจบที่ดี..."
คำเตือนของหลี่ฉีเย่ทำให้หัวใจนางเต้นรั่ว คนที่ไม่แยแสสิ่งใดตลอดเวลาถึงกับต้องเอ่ยเตือนนาง นางเข้าใจได้ว่านี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
" ฮ่าฮ่า มันดุเหมือนว่าข้าจะไม่ได้มาช้าไป " ทันใดนั้นเสียงที่ราวกับศพก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกลุ่มควัน จากนั้นก็มีคนปรากฏออกมา
" เย่ชา ! " ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์กลายเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายคนนี้ปรากฏออกมา
เย่ชานั้นมีความสุขที่เห็นคนอื่นหวาดกลัวและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " อย่าได้ตื่นตระหนก ข้านั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาด " แม้จะมีคำกล่าวนี้ออกมา กลิ่นอายความตายตัวเขาก็ไม่ได้ลดลง
" เย่ชาอย่าได้มายิ่งยโสที่นี่ " ทันใดนั้นก็มีเสียงออกมา " ดินแดนเมฆเหินนั้นไม่ได้มีเจ้าเป็นวีรบุรุษ " ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มนำกลุ่มของเขาเดินออกมา มีเปลวไฟเผาไหม้ทั่วร่างกายของเขาพร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ราวกับเขาเป็นลูกของเทพ
" เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ " ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เดินไปทักทายเมื่อชายคนนี้มาถึง
เขานั้นคือเจ้าชายของประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์ น้องชายของเจ้าหญิงฟินิกส์ประกายศักดิ์ศิทธิ์ เขานั้นมาพร้อมกับศิษย์ประกายศักดิ์ศิทธิ์ด้วยกลิ่นอายที่หยิ่งยโส
เย่ชามองไปยังเจ้าชายและยิ้มอย่างเย็นชา " เป็นว่าเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ก็มา ข้าขอออภัยด้วย " เย่ชากล่าวอย่างไม่แยแส " ทว่าเจ้าก็ยังมาแสดงอำนาจที่นี่ "
" แล้วไง ? หากเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยิ่งยโสได้ เช่นนั้นก็ไปยโสต่อหน้าพี่สาวข้า ! " คำกล่าวนี้ทรงอำนาจอย่างมาก ผู้ฝึกตนหลายคนไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องนี้
คำกล่าวนี้ทำให้การแสดงออกของเย่ชาเปลี่ยนไป เขานั้นเป็นคนที่หยิ่งยโสอย่างมาก แต่นักฆ่าเช่นเขาก็ระวังเมื่อเผชิญกับเจ้าหญิงฟินิกส์ประกายศักดิ์สิทธิ์
ไม่เพียงแต่เจ้าหญิงฟินิกนั้นจะเป็นลูกรักของสวรรค์ นางยังเป็นคู่หมั้นของตี๋เชา !
ทุกคนในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ล้วนหวาดกลัวเมื่อพุดถึงตี๋เชา หนึ่งในสามวีรีบุรุษ เขานั้นเป็นลูกหลานของบัลลังก์หมื่นกระดูก นิกายทรงอำนาจที่มีสามจักรพรรดิอมตะ !
ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุตี๋เชาในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์
เย่ชาทำได้เพียงยับยังความโกรธของเขา เขามั่นใจว่าการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าชายประกาศศักดิ์สิทธิ์และสังหารเขาได้ แต่ตอนนี้เจ้าชายหงายยไพ่ในมือและทำให้เขาต้องคิดใหม่
" เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ เพียงความแข็งแกร่งของเจ้านับว่าไร้ประโยชน์ " เย่ชากล่าวอย่างเย็นชา เขานั้นไม่มีทางไว้หน้าเจ้าชายหากเขาไม่ยกพี่สาวตัวเองมาขู่...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น