ตอนที่ 441 นายน้อยกระดูกทองคำ

เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นมองไปยังเย่ชาและเอ่ยอย่างไม่แยแส " เย่ชา อำนาจของประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์ของข้าเพียงพอที่จะทำลายเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีจากพวกเราได้เหมือนครั้งล่าสุดรึ ? "



เขาหยุดชั่วคราวและยิ้มเยาะ " เหตุผลที่ข้ายังไม่ลงมือกำจัดเจ้าเป็นเพราะพี่สาวข้าต้องการลงมือด้วยตัวเอง นางนั้นจะมาที่นี่ในอีกไม่นาน เจ้าเตรียมตัวไว้เถอะ "



หลังจากเจ้าชายกล่าวเช่นนั้น การแสดงออกของเย่ชาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นี้นับเป็นภัยร้ายแรงสำหรับเขาอย่างมาก มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมาจับเขา นอกจากนี้ในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ยังมีใครกล้าต่อต้านตี๋เชาอีก ?



ผู้ฝึกตนหลายคนสั่นสะท้านหลังจากได้ยินคำกล่าวของเจ้าชาย การมาถึงของเจ้าหญิงฟินิกซ์นั้นนับเป็นเรื่องใหญ่ นางนั้นเป็นลูกรักของสวรรค์ที่มีชื่อเสียงในดินแดนเมฆเหิน นางนั้นเป็นคนที่มีความสามารถและระดับการบ่มเพาะที่สูง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางนั้นเป็นคู่หมั้นของตี๋เชา



โม่หลี่ต้า ลูกหลานของประตูปีศาจนภา ออกมากล่าวอย่างนุ่มนวน " อ่า เจ้าชายและพี่เย่ชา เย่ชาแน่นอนว่ามีความผิดมากมาย แต่เจ้าชายและเจ้าหญิงต่างมีเมตตาเหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ พวกเราคนธรรมดานั้นไม่สามารถเทียบกับทั้งสองได้ ให้เย่ชาขอโทษประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์ พี่เย่ชา ท่านคิดว่าอย่างไร ? "



ประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์ , ประตูปีศาจนภา , และนิกายเยือนราตรี นั้นเป็นขุมอำนาจในดินแดนเมฆเหิน โม่หลี่ต้า นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าชายและเย่ชา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงต้องเล่นบทบาทของคนกลาง



" เย่ชานั้นทำผิดในเวลานี้ " อีกเสียงทันใดนั้นก็ปรากฏ ด้วยการแสดงออกที่บางเบาเขาค่อยๆเดินเข้ามาในลานโบราณ



การปรากฏตัวของชายคนนี้นั้นค่อนข้างน่าสนใจ เพราะว่าเขานั้นอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นกระดูกมากกว่าคน



มันเป็นโครงกระดูกทองตำได้ที่เดินได้โดยปราศจากเนื้อหนัง เขานั้นมีเพียงกระดูก กระดูกที่สมบูรณ์แบบราวกับถูกสร้างมาจากทองคำบริสุทธิ์ - เบ้าตาของเขาถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟสีทองราวกับเป็นจิตวิญญาณของเขา



" นายน้อยกระดูกทองคำ ! " ผู้ฝึกตนจำนวนมากอุทานหลังจากเห็นการปรากฏตัวของกระดูกทองคำนี้



" สมาชิกของเผ่าร้อยกระดูกศักดิ์สิทธิ์ " ฉิวหรงว่านเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างหลี่ฉีเย่ เอ่ยอย่างแปลกใจที่เห็นคนคนนี้



เผ่าร้อยกระดูกศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเผ่าผีที่ทรงอำนาจมากในชายแดนใต้ พวกเขานั้นเกิดมาพร้อมกับกระดูกและไม่มีเนื้อหนัง ไม่เหมือนกับเผ่าผีอื่นๆ ด้วยลักษณะที่หายากเผ่านี้จึงเป็นสาขาที่สำคัญของเผ่าพันธ์ผี



ลักษณะที่พิเศษอย่างมากก็คือกระดูกของพวกเขานั้นถูกเสริมความแข็งแกร่งจนทำให้สมบตัิทำอะไรไม่ได้ ความแข็งแกร่งของศิษย์ในเผ่าดูได้จากสีของกระดูกพวกเขา



ยกตัวอย่างเช่น กระดูกของลูกหลานเผ่าร้อยกระดูกศักดิ์สิทธิ์ นายน้อยกระดูกทองคำนั้นเป็นสีทองและมีเปลวไฟในดวงตา นี้หมายความว่าการบ่มเพาะของเขานั้นน่ากลัวอย่างมาก



นายน้อยกระดูกทองคำมองยังเย่ชาและเอ่ย " เย่ชา เจ้าควรจะขอโทษเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ เขานั้นเป็นคนที่ใจกว้างดังนั้นเขาจะต้องปล่อยเรื่องนี้ไป "



คำกล่าวของนายน้อยกระดูกทองคำทำให้การแสดงออกของเย่ชากลายเป็นยากยิ่ง ในฐานะของนักฆ่า ตัวตนของนายน้อยกระดูกทองคำและเจ้าหญิงฟินิกซ์ไม่ใช่คนที่เขาจะยุ่งได้



นายน้อยกระดูกทองคำนั้นทรงอำนาจมาก มีข่าวลือว่าเขานั้นสามารถทนการโจมตีจากสมบัติราชันเทพสวรรค์ กระทั้งระดับราชันเทพสวรรค์ใช้การโจมตีของเขา นายน้อยกระดูกทองคำก็ยังสามารถป้องกันมันได้ นี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกระดูกเขา



โม่หลี่ต้านั้นพยามจะไกลเกลี่ย " พี่เย่ชา ปมบาดหวางนี้ควรจะปล่อยมันไป พวกเราควรจะถอยคนละก้าวเพื่อมองท้องฟ้าและมหาสมุทร.."



เย่ชาถูกล่อลวงด้วยโม่หลี่ต้าและคำกล่าวของนายน้อยกระดูกทองคำ



" ฮึ่ม ! การขอโทษนั้นไม่อยาก เพียงแค่เจ้าต้องไปก้มศีรษะต่อหน้าพี่สาวข้า ! " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นเอ่ยอย่างหยิ่งยโส



แม้ว่ามันจะเป็นการเสียหน้า แต่เย่ชาก็โชคดีที่เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เอาเรื่องต่อไป



นายน้อยกระดูกทองคำทักทายเจ้าชายประกาศศักดิ์สิทธิ์อย่างสุภาพ " เจ้าชายประกาศศักดิ์สิทธิ์ ข้าได้ยินว่าเจ้าหญิงจะมาด้วย ข้าสงสัยว่าตี๋เชาจะมาด้วยหรือไม่ ? "



เกี่ยวกับชื่อเสียง สถานะ หรืออำนาจ เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีคุณสมบัติได้รับความสุภาพจากนายน้อยกระดูกทองคำ เผ่าร้อยกระดูกศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสาขาหลักของเผ่าพันธ์ผีและทรงอำนาจกว่าประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์มาก



เหตุผลที่นายน้อยกระดูกทองคำชักจูงให้เย่ชาขอโทษเพราะต้องการเอาใจตี๋เชาจากบัลลังก์หมื่นกระดูก



สุดท้ายอำนาจของตี๋เชาก็ราวกับสายฟ้าในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ทุกคนล้วนสั่นไหว



มาจากบัลลังก์หมื่นกระดูกนั้นก็โดดเด่นของหนึ่งนิกายสามจักรพรรดิอมตะทำให้สถานะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก



นี้่เป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาผู้คนพูดถึงตี่เชา พวกเขาจะเป็นคำว่า ' ท่าน' เขาไปเพื่อแสดงให้เห็นสถานะของเขาอย่างชัดเจน



" หากสุสานแห่งลางร้ายเปิด เช่นนั้นพี่เขยข้าจะต้องมา เขานั้นเป็นเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติพอที่จะฝึกฝนทักษะอมตะและกลายเป็นอมตะ ! " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นกล่าวอย่างภูมิใจ



เขานั้นค่อนข้างภูมิใจอย่างมากเมื่อพูดถึงพี่เขย คนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเยาว์ไปทั่วโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนี้เขาเป็นคนเดียวที่เหมาะสมจะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะแห่งยุค



" นี้ท่านตี๋เชาถึงกับมาด้วยตัวเองเชียวรึ " ผู้ฝึกตนจำนวนมากไม่กล้าที่จะเรียกชื่อของเจ้าชายออกมา สำหรับพวกเขาการมีพี่เขยเช่นตี๋เชานั้นเป็นน่าภูมิใจอย่างมาก เจ้าชายนั้นหยิ่งยโสและไม่มีใครเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่ตี๋เชานั้นทำให้อัจฉริยะทุกคนเงียบปาก หากมันมีวิธีได้รับวิธีการเป็นอมตะในสุสานแห่งลางร้าย เช่นนั้นตี๋เชาก็มีคุณสมบัติได้รับมัน



" หากท่านตี๋เชามาด้วยตัวเอง เช่นนั้นข้าจะไปพบเขาและพูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางเต๋า " นายน้อยกระดูกทองคำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม



นายน้อยกระดูกทองคำนั้นไม่อ่อนแอ มีข่าวลือว่าเขานั้นเป็นองค์รักษ์เทพสวรรค์ เขานั้นกระทั้งแข็งแกร่งกว่าเย่ชาและโม่หลี่ต้า ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่กล้ายโสต่อหน้าตี๋เชา



" ข้าจะบอกให้นายน้อยกระดูกทองคำรู้หากพี่เขยของข้ามาถึง " เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน



หลายคนได้แต่มองหน้ากันและเงียบเมื่อได้ยินว่าตี๋เชากำลังมา คนอื่นๆยังมีการพูดถึงว่าหลุมฝังศพแห่งลางร้ายจะเปิดหรือไม่



" มันจะเปิดออกจริงๆ ? " ผู้เยาว์กลายเป็นตื่นเต้นหลังจากได้ข่าวนี้



บางคนนั้นกลายเป็นมีความสุขและถอนหายใจ " การที่ตี๋เชามาด้วยตัวเองทำให้คนอื่นลำบากแล้ว " นี้เป็นเรื่องที่มีเหตุผลอย่างมากและไม่มีใครกล้าจะแข่งขันกับเขา



ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกับ หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นยืนอยู่ที่มุมหนึ่งเพื่อรอให้ภูติปีศาจมาถึง



" เย่ชากำลังมองมาที่พวกเรา " หลังจากนั้น ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยกระซิบ



ตอนนี้ เย่ชาหรี่สายตามามองพวกเขาทั้งสอง ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เย่ชาต้องการจะฆ่าทั้งสองและขโมยนสมบัติมา แต่เขาถูกหลวงจีนต้าชิขัดขว้างก่อนหน้า



นี้เป็นโอกาสให้เย่ชาลงมือฆ่า แต่เขาก็ไม่กล้าประมาทและท้าทายคนอื่นๆที่นี่



หลี่ฉีเย่ยังคงเปิดตาของเขาหลังจากได้ยินฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ย เขาไม่เปิดตาและเอ่ย " ให้มันมา หากมันต้องการจะตาย เช่นนั้นข้าก็จะช่วยมันเอง "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยกลายเป็นเงียบ นางนั้นไม่มีคำถามกับความมั่นใจของหลี่ฉีเย่ แต่มันจะมีปัญหาหากเย่ชาได้ยินมันเข้า



มาจากเผ่าเล็กๆ นางนั้นเลือกที่จะระมัดระวังอย่างมาก นางนั้นต่างไปจากหลี่ฉีเย่ที่ดุร้ายและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา



ท้องฟ้านั้นกลายเป็นมืดมากขึ้นและมีคนเข้าร่วมเพิ่มขึ้น ในหมู่พวกเขามีศิษย์จำนวนมากมาจากนิกายทรงอำนาจ บางคนนั้นกระทั้งเป็นลูกหลาน พวกเขานั้นมาและนั่งรอบๆลาน กำลังรอการประมูล



เมื่อตนกลางคืน มีคนปรากฏขึ้นกลางลาน ไม่มีใครเห็นเขาเข้ามาได้อย่างไร มันราวกับว่าจู่ๆเขาก็ปรากฏ นี้ทำให้ทุกสายตามองมาที่เขา



คนคนนั้นยิ้มและเอ่ย " สหาย ข้านั้นมีความสุขอย่างมากที่เห็นพวกท่านมาร่วมการประมูลเคาะโลงศพนี้ เพื่อไม่เห็นการเสียเวลา การประมูลเคาะโลงศพจะเริ่ม ณ บัดนี้ ! "

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้