ตอนที่ 446 ดินแดนในตำนาน

" หรือจะเป็นจักรพรรดิอมตะที่ทิ้งสมบัติเหล่านี้เอาไว้ ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถามด้วยอารมณ์ สมบัติที่กระทั้งถูกผนึกไว้ในปราณพิสุทธิ์ - น่าหวาดกลัวและทรงพลังอย่างแท้จริง มันอาจจะสามารถเทียบกับสมบัติจักรพรรดิอมตะระดับแท้จริง



" ไม่ " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวของเขาและเอ่ย " มันไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิอมตะทิ้งไว้ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีใครในโลกนี้รู้ว่าใครเป็นคนทิ้งผนึกสวรรค์ห้าประตูไว้ ต้นกำเนิดของมันต้องย้อนกลับไปยังยุคโบราณ บางทีอาจจะเก่าแก่กว่ายุคตำนาน.."



" ไม่มีทาง ! " ฉิวหรงว่านเสวี่ยหอบหายใจเอ่ย " ยุคตำนานนั้นเป็นเพียงข่าวลือและไม่มีจริง มันจะยังมียุคที่เก่าแก่กว่ายุคตำนานได้อย่างไร ? "



ผู้ที่อาศัยอยู่ในเก้าโลกล้วนแต่เชื่อกันว่ายุคนั้นถูกแบ่งออกเป็นสี่ยุค ยุครกร้าง ยุคล่าดินแดน ยุคหมิงโบราณ ยุคจักรพรรดิ



ยุคจักรพรรดิอมตะนั้นอยู่มาจนถึงยุคของจักรพรรดิอมตะต้ากง เหตุผลนั้นง่ายมาก เหตุผลที่มันจบลงนั้นง่ายมากมันจากการสู้กันของราชามังกรทมิฬและจักรพรรดิอมตะ ราชามังกรทมิฬนั้นฉีกเจตจำนงแห่งสวรรค์และทำให้ทั้งเก้าตกลงสู่ยุคเต๋าที่ยุ่งยาก แต่บางคนก็ยังเชื่อว่ามันก็ยังเป็นยุคจักรพรรดิที่กำลังจะคาบเกี่ยวเข้ามาสู่ยุคเต๋าที่ยุคยากภายในเวลาไม่นาน



ความจริง ยุคที่เคยถูกบันทึกไว้มีเพียงยุคจักรพรรดิ แม้ว่ายุคหมิงโบราณจะยังมีบันทึกจำนวนมากแต่พวกมันก็ยังมีช่องว่างที่ไม่สมบูรณ์ มันมีกระทั้งความลับของยุคนนั้นที่ยังไม่มีใครรู้



ตอนนี้เมื่อมาถึงยุคล่าเดินแดนบันทึกทุกอย่างนั้นกลายเป็นหายไป นี้เป็นยุคที่เผ่าพันธ์ของทั้งเก้าโลกได้ถูกสร้างขึ้น สถานที่ของพวกเขาถูกตัดสินโดยการเลือกของปราชญ์อมตะของเผ่าพันธ์ ตัวอย่างเช่นเผ่าพันธ์มนุษย์นั้นมีต้นกำเนิดมาจากโลกจักรพรรดิมนุษย์หรือไม่ นี้ล้วนยากที่จะกล่าว ทว่าสิ่งที่แน่นอนคือมนุษย์วางรากฐานของพวกเขาไว้ในโลกตั้งแต่ยยุคล่าดินแดน และกลายเป็นบรรพบุรุษของโลกนี้



ยุคที่รกล้างนั้นกระทั้งห่างไกลออกไปและยากที่จะติดตาม เผ่าพันธ์ในทั้งเก้าโลกล้วนแต่อ่อนแออยู่ในเวลานั้นและมีบันทึกไว้น้อยมาก นี้คือเหตุผลว่าผู้คนเชื่อว่ายุครกล้างนั้นเป็นยุคที่เก่าแก่ที่สุด



มันยังมียุคก่อนที่จะเกิดขึ้นในยุครกล้าง และนั้นถึกเรียกว่ายุคตำนาน มันไม่มีบันทึกใดเขียนเกี่ยวกับยุคนี้ไว้ มันมีเพียงตำนานและเรื่องเล่าเที่ไม่สมบูรณ์ ลูกหลานในอนาคตล้วนไม่มีใครแน่ใจว่ายุคนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นดังชื่อของมัน ' ตำนาน '



แต่ตอนนี้ หลี่ฉีเย่กับบอกว่ามียุคที่เก่าแก่กว่ายุคตำนาน นี้จะไม่ให้ฉิวหรงว่านเสวี่ยตกตะลึงได้อย่างไร ? ยุคตำนานนั้นกระทั้งเป็นเพียงคำบอกเล่า แล้วยุคที่เก่าแก่กว่ามัน ?



" มันมีอยู่จริง " หลี่ฉีเย่กล่าวอย่างไม่แยแส " แต่มีคนจำนวนไม่มากที่รับรู้ถึงมันเพราะว่าเวลาได้ผ่านมานานแล้ว ดังนั้นมึนจังกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน ทว่าตราบใดที่เจ้ามีเวลาและความอดทนมากพอ เจ้าจะสามารถหาเครื่องหมายที่คนเหล่านั้นทิ้งไว้เบื้องหลังและไม่หายไปตามแม่น้ำแห่งกาลเวลาได้ "



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นตกตะลึงและนางพยามจะรวบรวมและเรียงข้อมูลเกี่ยวกับยุคต่างๆของนางใหม่ทั้งหมด นางสุดท้ายก็เอ่ยถาม " นั้นเป็นยุคแบบใดกัน ? "



" ไม่มีใครรู้ " หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย หลี่ฉีเย่นั้นรู้เพียงไม่กี่อย่างเกี่ยวกับยุคนี้ แต่หากเขาได้คัมภีร์เก้าสวรรค์ลับ เขาจะสามารถแก้ความลึกลับต่างๆของยุคเหล่านั้นได้



ในเวลานี้ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆที่โลงศพที่น้ำตามเข้ม ตัวอักษรโบราณเหล่านี้ดูเหมือนมีชีวิตชีวาราวกับปลาในแม่น้ำ แสงจางๆปรากฏขึ้นขณะที่เขาสัมผัสสมบัตินี้



" ผนึกสวรรค์ห้าประตู...มันดูเหมือนว่าภูติปีศาจนั้นจะเร่งรีบรับสมบัติมากเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีวันแลกของสิ่งนี้เด็ดขาด " หลี่ฉีเย่กล่าวขณะที่สัมผัสมัน



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่กล้าที่จะมองไปยังอักษรโบราณพวกนั้นอีก สิ่งนี้นั้นน่ากลัวเกินไป มันกระทั้งดูดวิญญาณของผู้คนได้



หลี่ฉีเย่นั้นมองไปยังประตูเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะส่ายหัวและไม่เอ่ยสิ่งใด



ขณะเดียวกัน ฉิวหรงว่านเสวี่ยก็ปิดตาของนางและพยามลบความกลัวที่มีต่อมัน ขณะชั่วขณะนางก็ได้ยินเสียงหลี่ฉีเย่เอ่ยถาม " หัวหน้าที่รัก คืนนี้เจ้าต้องการจะนอนเตียงเดียวกันกับข้าหรือไม่ ? "



นางนั้นกระโดดตัวขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้และเปิดดวงตาของนางมองหลี่ฉีเย่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ นางนั้นราวกับถูกแช่แข็งเพราะนางจำได้ว่ากำลังอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ฉีเย่ก่อนหน้านี้



ท่าทางของพวกเขานั้นใกล้ชิดกันอย่างมากและมันเต็มด้วยบรรยากาศของกามอารมณ์ ในอีกแง่หนึ่ง ตอนนี้ร่างกายของพวกเขากำลังเบียดเสียดใกล้ชิดกันอย่างมาก



" มันดูเหมืนอว่าหัวหน้าที่ทรงเสน่ห์ของพวกเรา ยินดีจะหลบนอนกับข้า " หลี่ฉีเย่อมยิ้มเอ่ย



ใบหน้าของฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นกลายเป็นใบแดงก่ำขณะที่ร่างกายของนางรู้สึกเร่าร้อน นี้เป็นครั้งแรกที่ร่างกายของนางได้ใกล้ชิดกับใครสักคนมากขนาดนี้ นางนั้นอายเป็นอย่างมากและพยามจะควบคุมตัวเองให้ลุกขึ้น ทว่านางเองก็ยังไม่กล้ามองหน้าหลี่ฉีเย่และเอ่ยปฏิเสธ " ไร้สาระ ข้าไม่ต้องการเช่นนั้น "



เสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่ของนางถูกขับแน่นออกมาผสมผสานกับความขี้อาย รวมถึงร่างกายที่สั่นไหวและดวงตาที่เย้ายวนนั้นยากที่จะมีบุรุษใดต้านทาน



นางนั้นอายเกินกว่าที่จะอยู่ในอาการสงบ เพราะร่างกายของนางกำลังร้อนเป็นอย่างมาก มีความคิดแปลกๆวิ่งอยู่ในหัวของนางและทำให้นางสั่นสะท้าน นางนั้นไม่กล้าจะอยู่ที่ที่บรรยากาศร้อนแรงเช่นนี้และต้องการจะออกจากห้อง



" ดูแลรังไหมหยกจักจั่นสวรรค์ให้ดี " ก่อนที่นางจะออกไป นางได้ยินเสียงของหลี่ฉีเย่ตามหลังมา " ของชิ้นนี้นั้นยอดเยี่ยมอย่างมากและจะเป็นประโยชน์ต่อเผ่าของเจ้า บางทีเผ่าของเจ้าอาจจะรุ่งเรืองขึ้นก็เพราะมัน "



หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายความรู้สึกภายในหัวใจนาง และสิ่งทำให้หัวใจนางรู้สึกหลอมละลายด้วยความหอมหวาน



หลังจากนางจากไป หลี่ฉีเย่เพียงยิ้มและส่ายหัว จากนั้นเขาก็เก็บผนึกสวรรค์ห้าประตูไป



จากนั้นเขาก็นำโลงศพไม้ขนาดเล็กออกมาวางตรงหน้า เขานั้นจ้องมองมันอย่างระมัดระวังและเต็มไปด้วยความสุข ก่อนจะเอ่ย " สิ่งนั้นกระทั้งกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง สิ่งอื่นอาจจะมาเช่นกัน ไม่ต้องกล่าวถึงว่านี้เป็นโลงศพจากหลุมฝังศพบรรพกาล...หากมีอย่างอื่นปรากฏ คงไม่ทำให้ข้าประหลาดใจอีกแล้ว "



สุดท้ายเขาก็เก็บมันกลับไปและนั่งทำสมาธิเพื่อที่จะเริ่มต้นการบ่มเพาะ



เมื่อเขาเริ่มต้นสูดลมหายใจเข้าออก ไข่มุกหยินหยางโลหิตเริ่มปรากฏและกลั่นพลังงานในสายเลือดและหยดลงบนหยดเลือดชีวิต ทะเลโลหิตนี้มีต้นกำเนิดทีน่าทึ่ง เช่นนั้นศักยภาพของมันจึงน่ากลัวอย่างมาก ทว่าน่าเสียดายระดับการบ่มเพาะของหลี่ฉีเย่ในปัจจุบันดึงอำนาจของมันออกมาไม่ได้มากนัก



เมื่อหลี่ฉีเย่เปิดประตูพรสวรรค์ วงแหวนทั้งเจ็ดนั้นปรากฏอยู่เหนือหัวเขา และเขาเกือบจะเปิดวงแหวนที่เปิดได้แล้ว



สำหรับการบ่มเพาะของหลี่ฉีเย่ในปัจจุบันการเปิดวงแหวนที่แปดและวงแหวนที่เก้านั้นไม่ยุ่งยาก แม้แต่สิบก็อาจจะไม่ยากมาก ขณะที่สิบเอ็ดเองก็ยังไม่นับเป็นความท้าทาย สิบสองนั้นอาจจะยาก และสิ่งที่ท้าทายมากที่สุดก็คือสิบสาม



หลี่ฉีเย่นั้นพยามจะเปิดให้ได้สิบสองวงแหวนและพยามท้าทายวงแหวนที่สิบสาม ความจริงก็คือสำหรับผู้ฝึกตนการมีสิบสองวันแหวนนั้นเป็นไปไม่ได้ ในตำนานคนที่มีสิบสองวันแหวนนั้นมีไม่มาก นอกจากนี้พวกมันยังเป็นเพียงข่าวลือและไม่มีใครรู้ว่าสิบสองวงแหวนมีจริงหรือไม่



สำหรับสิบสามวง มันล้วนไม่เคยปรากฏมาก่อนบนโลก การมีสิบสองวงแหวนนั้นเป็นขีดจำกัดที่ผู้ฝึกตนปกติไม่สามารถไปถึงได้



ทว่าหลี่ฉีเย่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นั้นเพราะเขานั้นมีกายาคู่ สิ่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก หลี่ฉีเย่นั้นเป็นคนฝึกราชามังกรทมิฬที่มีกายาคู่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดแค่นี้



พลังงานในสายเลือดของหลี่ฉีเย่หมุนเวียนไปทั่วพรสวรรค์ที่แท้จริง ในเวลานี้มันกลายเป็นปักษา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นดวงดาวที่ยิ่งใหญ่พุ่งขึ้นช้าฟ้าไร้สิ้นสุด..



เมื่อเวลาผ่านไป ช่วงเวลากลางดึกได้มาถึง หลี่ฉีเย่ทันใดนั้นก็เปิดดวงตาด้วยสายตาที่น่ากลัว



ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นอยู่ในอีกห้อง พวกเขาถูกแยกออกจากันด้วยผนัง นางนั้นเตรียมความพร้อมและระมัดระวังอย่างมากที่จะปกป้องตัวเองจากอันตราย



ทว่า ทันใดนั้นจู่ๆก็มีหมอกปรากฏตัวออกมาอย่างเงียบๆ ราวกับภูติผีในห้องของนาง



นี้คือเย่ชา คนที่ปรากฏตัวอย่างลึกลับในห้องของฉิวหรงว่านเสวี่ย เขานั้นน้ำลายไหลเพราะสมบัติของทั้งสองมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ลืมเกี่ยวกับสมบัติในแม่น้ำผี เพียงโลงศพอย่างเดียวพอแล้วที่จะทำให้ละโมภ



เย่ชานั้นไม่สามารถดำเนินการต่อหน้าคนจำนวนมากที่ลานได้ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเขาต้องเตรียมการและลงมือยามค่ำคืน



เขานั้นสันนิษฐานว่ามนุษย์อ่อนแอเช่นหลี่ฉีเย่ไม่ควรค่าให้เขาต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้ามายังฉิวหรงว่านเสวี่ย หลี่ฉีเย่นั้นก็เหมือนกับปลาให้แห



เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้เตียง ฉิวหรงว่านเสวี่ยทันใดนั้นก็เปิดดวงตาของนาง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคามตกตะลึงที่เห็นเย่ชาปรากฏตัวอยู่ที่นี่...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้