ตอนที่ 453 อดีตที่ผ่านมา
หลี่ฉีเย่พยามฝืนยิ้มและเอ่ย " เอาละ...หลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า รวมกับข้ากำลังเร่งรีบอย่างมาก ดังนั้นข้าไม่มีเวลามาคุยรำลึกความหลังกับเจ้า สหาย "
" เจ้าต้องการจะยืมของบางอย่างจากข้า ดังนั้นเจ้าจึงได้แบกหน้าที่ไร้ยางอย่างอายมาหาข้าทีนี่ ใช่หรือไม่ ? " เจ้าตำหนักยังคงเอ่ยเสียงเย็นชา
หลี่ฉีเย่ยิ้มข่มขื่นก่อนจะลูบมือของเขาและเอ่ย " เจ้าควรจะรู้ว่าข้ากำลังจะมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่และข้าต้องการลงมือฆ่าอีกหลายครั้ง ข้าได้พยามรวบรวมของบางอย่าง แต่มันก็ไม่ง่าย ข้าต้องการเปิดสถานที่นั้นเพราะไม่มีความลับใดสามารถซ่อนไปได้ตลอดกาล ! เพราะเรื่องนี้ข้าจึงต้องการยืมของบางอย่างจากเจ้าเพื่อความมั่นใจ แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเห็นด้วย ? "
เจ้าตำหนักนั้นไม่เอ่ยสิ่งใด ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่หลี่ฉีเย่พูดมาทั้งหมด
หลังจากไม่ได้รับการตอบสนอง หลี่ฉีเย่เพียงถอนหายใจและเอ่ย " เอาละ ข้าจะไม่รบกวนเวลานอนอันมีค่าของเจ้าแล้ว สุดท้ายเวลาก็เป็นทุกอย่างสำหรับเจ้า " หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็หันหลังและกำลังจะจากไป
" เจ้าควรจะรู้ว่าเจ้ากำลังมองหาความตายให้ตัวเอง เส้นทางที่เจ้ามุ่งไปมันเต็มไปด้วยหายะ ! " ขณะที่หลี่ฉีเย่กำลังจะถึงประตู เจ้าตำหนักเอ่ย
หลี่ฉีเย่หันกลับมาก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มของเขาก่อนจะเอ่ย " ข้าไม่คิดเช่นนั้น เจ้าควรจะรู้ว่าข้าเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ข้ากระทั้งเรียกใช้เกาะในตำนานที่สูญหาย เมื่อเวลาสุกงอม ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถเปิดชั้นฟ้าและสังหารคนจำนวนมากได้ สุดท้ายไม่ว่าจะเก้าชั้นฟ้าหรือสิบแผ่นดินไม่มีใครหน้าไหนขว้างทางข้าได้ ! "
คำกล่าวเหล่านี้เต็มไปด้วยความมั่นใจที่เจาะผ่านชั้นฟ้า อย่างที่หลี่ฉีเย่กล่าวไม่ต้องเอ่ยถึงเทพหรือปีศาจกระทั้งสวรรค์ก็ไม่สามารถขว้างเส้นทางของเขาได้ !
" เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร ? " เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนเอ่ย
หลี่ฉีเย่ยักไหล่และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " กล่าวตามจริง ข้าเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับมัน หรือเจ้ารู้ ? สิ่งนั้นนั้นถูกฝังอยู่มาเป็นเวลานานและไม่เคยปรากฏ เจ้ารู้รึว่ามันคืออะไร ? "
" ข้าไม่รู้ " เจ้าตำหนักกล่าวอย่างจริงจัง " แต่ข้ารู้ว่าเป็นเพียงการฆ่าตัวตายหากเป็นศัตรูกับมัน "
" ข้าเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะหยุดข้าได้ หากข้าตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้วข้าก็จะฉีกสวรรค์หากมันกล้ามาขว้างทางข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อทุกคน ไม่ใช่เพื่อตัวข้าเอง หรือเพื่อเจ้า หรือเพื่อคนอื่น ข้าเพียงต้องการแก้ไขความลึกลับนี้ที่ถูกฝังอยู่มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นแห่งเวลา " หลี่ฉีเย่เอ่ยต่อ " ข้าจะแก้ไขความลึกลับเหล่านี้ ข้ามีทั้งความอดทนและมั่นใจว่าจะทำมันได้ "
แม้ว่าคำกล่าวของเขานั้นจะดูเรียบง่าย แต่เนื้อหาของมันนั้นท้าทายสวรรค์อย่างมาก
เจ้าตำหนักนั้นเงียบเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็คว้าไปยังอากาศเบื้องหน้า จาก็ปรากฏสิ่งของอยู่ในมือ " นี้เป็นกุญแจเปิดหลุมฝังศพแห่งลางร้าย รับมันไป "
" ขอบคุณ นี้จะช่วยข้าอย่างมากที่เดียว " หลี่ฉีเย่รับกุญแจ
" เช่นนั้นรึ ? " เจ้าตำหนักจ้องหลี่ฉีเย่และเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย " ไม่เจ้าว่าในอดีตเจ้าหามันด้วยตัวเองตลอดเวลา ? ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาที่นี่เพื่อถามหามันจากข้าสะอีก ! "
หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและเอ่ย " นี้เป็นเรื่องในอดีต ปล่อยมันไปเถอะ ข้านั้นผิดเองแม้ว่าจักรพรรดิอมตะหมิงตู่จะได้รับสิ่งของจำนานมากจากสุสานใหญ่จริงๆและได้รับการสนับสนุน..."
" ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็เป็นคนนำเขาออกมาและรักษาสัญญาที่จะทำให้เขาเป็นชายที่ยิ่งใหญ่ - ผู้มีอำนาจักรพรรดิอมตะ กระบวนการทุกอย่างนั้นราบลื่นอย่างมากหลังจากเจ้าอนุญาติให้เขาออกมา ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ทำลายกฏนิรันดร์ของสุสานใหญ่ ! นี้เป็นความผิดของข้าและข้าก็ขอบคุณอย่างมากสำหรับการยอมให้ข้ากลับเข้ามา " หลี่ฉีเย่ขอโทษเจ้าตำหนักจากใจจริง
เจ้าตำหนักพยักหน้า ผ่านไปชั่วครู่เขาก็เอ่ยเสียงแผ่ว " ข้าสามารถให้เจ้ายืมของได้ แต่เจ้าก็ต้องช่วยข้าบางอย่าง " มันดูเหมือนว่าความโกรธของเจ้าตำหนักจะลดลงไม่น้อย
หลี่ฉีเย่มีความสุขที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาเอ่ยอย่างรวดเร็ว " เพียงแค่บอกมา ข้าจะช่วยเจ้าทำทุกอย่าง ! "
" มากับข้า ! " เจ้าตำหนักเอ่ย
หลี่ฉีเย่ตามเจ้าตำหนักมาถึงสถานที่บางแห่ง หลังจากแห่งสิ่งของ หลี่ฉีเย่อทุานอย่างตกตะลึง " เจ้าหาของชิ้นนี้มาได้ยังไง !? "
" นั้นไม่ใช่ธุระของเจ้า " เจ้าตำหนักเอ่ยเสียงเรียบ " ข้าต้องการให้เจ้าช่วยกำราบของสิ่งนี้ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมีความรู้ของเทพโอสถ หากจะมีใครสักคนในโลกช่วยข้าออกจากพายุลูกนี้ได้ มันจะต้องเป็นเจ้า "
" ข้าไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและอมยิ้มเอ่ย " แต่ข้าบังเอิญพบหมื่นกระถางสวรรค์เมื่อไม่นานนี้ มันอาจจะช่วยได้ แต่ข้าต้องการเวลาและความช่วยเหลือจากเจ้า "
" ไม่มีปัญหา " เจ้าตำหนักเอ่ย
ฉิวหรงว่านเสวี่ยคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเต็มไปด้วยความกังวล นางนั้นรออยู่กว่าสิบวันก่อนที่หลี่ฉีเย่จะปรากฏตัวออกมา
" พวกเราไปเถอะ " เขาเดินออกมาและกล่าวกับฉิวหรงว่านเสวี่ย
" เจ้าไม่เป็นไรนะ ? " เห็นการปราฏตัวพร้อมกับความเหนื่อยล้าของเขา นางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย " ไม่เป็นไร ข้าเพียงใช้พลังมากไปหน่อย เพียงพักหนึ่งหรือสองวันก็พอ "
ทั้งสองนั้นออกมาจากตำหนักบุปผาบรรพชน จากเริ่มต้นจนถึงจบ ฉิวหรงว่านเสวี่ยเห็นคนเพียงสองคนที่ภายใน หนึ่งคือผีรับใช้อีกคนคือเจ้าตำนัก กล่าวให้ถูกคือหนึ่งคนหนึ่งผี
แม้ว่าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นจะมีบรรพยากาศเช่นเดียวกับสายเลือดจักรพรรดิ ฉิวหรงว่านเสวี่ยก็ยังรู้สึกปลอดโปร่งเมื่อออกมา สถานที่แห่งนั้นแม้แต่เต็มไปด้วยความสงบ แต่มันก็ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศที่น่ากลัว
นางนั้นเข้าใจสถานที่อื่นๆในสุสานใหญ่มากขึ้น ไม่นานนางก็รู้ได้ว่าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นซ่อนบางอย่างไว้ นางนั้นมีคำถามจำนวนมากอยากจะถาม อย่างเช่นทำไมเจ้าตำหนักยังมีชีวิตอยู่ ? เขากลายเป็นเจ้าตำหนักมานานเท่าไหร่แล้ว ?
นางนั้นต้องการจะถามหลี่ฉีเย่แต่นางไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร
หลี่ฉีเย่สังเกตท่าทางอึดอัดใจของนางและอมยิ้มเอ่ย " เจ้าสามารถถามได้หากเจ้ามีคำถามใดๆ บางทีข้าอาจจะบอกบางอย่างกับเจ้าได้ "
" เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นเป็นคนแบบใดกัน ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยถามอย่างอยากรุ้อยากเห็น
เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นเป็นสหายกับหลี่ฉีเย่และเหมือนจะใกล้ชิดกันมาก ดังนั้นคนคนนี้จะเป็นผู้เยาว์ในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ การเป็นเจ้าตำหนักด้วยอายุที่น้อยเช่นนี้เขาจะต้องมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจอย่างมาก คนคนนี้สมควรจะเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง
ทว่านางนั้นเข้าใจผิดอย่างสมบูรณ์ เพราะคิดว่าเจ้าตำหนักเป็นคนมีชีวิตนางจึงคิดว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนยุคสมัยเดียวกันนาง
" อืมม..." หลี่ฉีเย่คิดชั่วคราวก่อนจะส่ายหัวและเอ่ย " นี้เป็นความลับ มันไม่ดีหากเจ้าจะรู้ข้อมูลพวกนี้ มันอาจจะนำหายนะมาสู่ตัวเจ้าได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นทำเพียงยิ้มและไม่ได้เอ่ยถามอย่างอื่นอีก นางนั้นเป็นผู้หญิงที่รู้สถานะการณ์และไม่ต้องการทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากกับนายน้อย
สุดท้ายนางก็เอ่ยถาม " พวกเราจะไปไหนกัน ? "
หลี่ฉีเย่หรี่สายตาของเขาก่อนจะมองไปยังผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้ใหญ่ด้านข้าง และเอ่ย " พวกเราจะตามหาบางคน เช่นนั้นข้าจะช่วยเหลือเจ้าได้ จากนั้นพวกเราจะจัดการบางอย่างและทำให้เรื่องนี้จบ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นและหอมหวานอยู่ในหัวใจ นางนั้นไม่รู้ว่าหลี่ฉีเย่กำลังมองหาใคร แต่ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญกับนาง
ช่วงเวลาที่พวกเขาออกมาจากตำหนักบุปผาบรรพชน คนที่พวกเขากำลังมองหน้าก็มาปรากฏอยู่หน้าประตู คนแปลกหน้านี้ปรากฏตัวจากระยะไกล เขาเป็นชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยผ้าคลุมสีเหลืองราวกับคนรับใช้และมีรอยยิ้มลึกลับ
" ข้าได้ยินว่าสหายเต๋าท่านนี้กำลังมองหาข้า ? " ชายหนุ่มที่ดุอยากจนเอ่ยถาม แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
นี้เป็นเรื่องน่าเหลื่อเชื่ออย่างมากที่คนจากสุสานใหญ่นั้นมาหาคนนอก ผีที่อาศัยอยู่ที่นี่มันไม่ยุ่งกับคนภายนอก พวกเขานั้นไม่มีพลังงานในสายเลือดและชีวิต ทว่าสายตาของผีตนนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา นี้ทำให้หัวใจของฉิวหรงว่านเสวี่ยยิ่งตื่นตระหนก
ในความเป็นจริง นางนั้นเห็นสิ่งแปลกๆมามาก ตัวอย่างเช่นเจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่าผีตนนี้ด้วยสายตาของเขาก็ยังทำให้นางตกตะลึง...
หลี่ฉีเย่พยามฝืนยิ้มและเอ่ย " เอาละ...หลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า รวมกับข้ากำลังเร่งรีบอย่างมาก ดังนั้นข้าไม่มีเวลามาคุยรำลึกความหลังกับเจ้า สหาย "
" เจ้าต้องการจะยืมของบางอย่างจากข้า ดังนั้นเจ้าจึงได้แบกหน้าที่ไร้ยางอย่างอายมาหาข้าทีนี่ ใช่หรือไม่ ? " เจ้าตำหนักยังคงเอ่ยเสียงเย็นชา
หลี่ฉีเย่ยิ้มข่มขื่นก่อนจะลูบมือของเขาและเอ่ย " เจ้าควรจะรู้ว่าข้ากำลังจะมีช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่และข้าต้องการลงมือฆ่าอีกหลายครั้ง ข้าได้พยามรวบรวมของบางอย่าง แต่มันก็ไม่ง่าย ข้าต้องการเปิดสถานที่นั้นเพราะไม่มีความลับใดสามารถซ่อนไปได้ตลอดกาล ! เพราะเรื่องนี้ข้าจึงต้องการยืมของบางอย่างจากเจ้าเพื่อความมั่นใจ แน่นอนว่าเจ้าจะต้องเห็นด้วย ? "
เจ้าตำหนักนั้นไม่เอ่ยสิ่งใด ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่หลี่ฉีเย่พูดมาทั้งหมด
หลังจากไม่ได้รับการตอบสนอง หลี่ฉีเย่เพียงถอนหายใจและเอ่ย " เอาละ ข้าจะไม่รบกวนเวลานอนอันมีค่าของเจ้าแล้ว สุดท้ายเวลาก็เป็นทุกอย่างสำหรับเจ้า " หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็หันหลังและกำลังจะจากไป
" เจ้าควรจะรู้ว่าเจ้ากำลังมองหาความตายให้ตัวเอง เส้นทางที่เจ้ามุ่งไปมันเต็มไปด้วยหายะ ! " ขณะที่หลี่ฉีเย่กำลังจะถึงประตู เจ้าตำหนักเอ่ย
หลี่ฉีเย่หันกลับมาก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มของเขาก่อนจะเอ่ย " ข้าไม่คิดเช่นนั้น เจ้าควรจะรู้ว่าข้าเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ข้ากระทั้งเรียกใช้เกาะในตำนานที่สูญหาย เมื่อเวลาสุกงอม ข้าเชื่อว่าข้าจะสามารถเปิดชั้นฟ้าและสังหารคนจำนวนมากได้ สุดท้ายไม่ว่าจะเก้าชั้นฟ้าหรือสิบแผ่นดินไม่มีใครหน้าไหนขว้างทางข้าได้ ! "
คำกล่าวเหล่านี้เต็มไปด้วยความมั่นใจที่เจาะผ่านชั้นฟ้า อย่างที่หลี่ฉีเย่กล่าวไม่ต้องเอ่ยถึงเทพหรือปีศาจกระทั้งสวรรค์ก็ไม่สามารถขว้างเส้นทางของเขาได้ !
" เจ้ารู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร ? " เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนเอ่ย
หลี่ฉีเย่ยักไหล่และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " กล่าวตามจริง ข้าเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับมัน หรือเจ้ารู้ ? สิ่งนั้นนั้นถูกฝังอยู่มาเป็นเวลานานและไม่เคยปรากฏ เจ้ารู้รึว่ามันคืออะไร ? "
" ข้าไม่รู้ " เจ้าตำหนักกล่าวอย่างจริงจัง " แต่ข้ารู้ว่าเป็นเพียงการฆ่าตัวตายหากเป็นศัตรูกับมัน "
" ข้าเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะหยุดข้าได้ หากข้าตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้วข้าก็จะฉีกสวรรค์หากมันกล้ามาขว้างทางข้า ข้าไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อทุกคน ไม่ใช่เพื่อตัวข้าเอง หรือเพื่อเจ้า หรือเพื่อคนอื่น ข้าเพียงต้องการแก้ไขความลึกลับนี้ที่ถูกฝังอยู่มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นแห่งเวลา " หลี่ฉีเย่เอ่ยต่อ " ข้าจะแก้ไขความลึกลับเหล่านี้ ข้ามีทั้งความอดทนและมั่นใจว่าจะทำมันได้ "
แม้ว่าคำกล่าวของเขานั้นจะดูเรียบง่าย แต่เนื้อหาของมันนั้นท้าทายสวรรค์อย่างมาก
เจ้าตำหนักนั้นเงียบเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็คว้าไปยังอากาศเบื้องหน้า จาก็ปรากฏสิ่งของอยู่ในมือ " นี้เป็นกุญแจเปิดหลุมฝังศพแห่งลางร้าย รับมันไป "
" ขอบคุณ นี้จะช่วยข้าอย่างมากที่เดียว " หลี่ฉีเย่รับกุญแจ
" เช่นนั้นรึ ? " เจ้าตำหนักจ้องหลี่ฉีเย่และเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย " ไม่เจ้าว่าในอดีตเจ้าหามันด้วยตัวเองตลอดเวลา ? ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาที่นี่เพื่อถามหามันจากข้าสะอีก ! "
หลี่ฉีเย่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและเอ่ย " นี้เป็นเรื่องในอดีต ปล่อยมันไปเถอะ ข้านั้นผิดเองแม้ว่าจักรพรรดิอมตะหมิงตู่จะได้รับสิ่งของจำนานมากจากสุสานใหญ่จริงๆและได้รับการสนับสนุน..."
" ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็เป็นคนนำเขาออกมาและรักษาสัญญาที่จะทำให้เขาเป็นชายที่ยิ่งใหญ่ - ผู้มีอำนาจักรพรรดิอมตะ กระบวนการทุกอย่างนั้นราบลื่นอย่างมากหลังจากเจ้าอนุญาติให้เขาออกมา ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ทำลายกฏนิรันดร์ของสุสานใหญ่ ! นี้เป็นความผิดของข้าและข้าก็ขอบคุณอย่างมากสำหรับการยอมให้ข้ากลับเข้ามา " หลี่ฉีเย่ขอโทษเจ้าตำหนักจากใจจริง
เจ้าตำหนักพยักหน้า ผ่านไปชั่วครู่เขาก็เอ่ยเสียงแผ่ว " ข้าสามารถให้เจ้ายืมของได้ แต่เจ้าก็ต้องช่วยข้าบางอย่าง " มันดูเหมือนว่าความโกรธของเจ้าตำหนักจะลดลงไม่น้อย
หลี่ฉีเย่มีความสุขที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาเอ่ยอย่างรวดเร็ว " เพียงแค่บอกมา ข้าจะช่วยเจ้าทำทุกอย่าง ! "
" มากับข้า ! " เจ้าตำหนักเอ่ย
หลี่ฉีเย่ตามเจ้าตำหนักมาถึงสถานที่บางแห่ง หลังจากแห่งสิ่งของ หลี่ฉีเย่อทุานอย่างตกตะลึง " เจ้าหาของชิ้นนี้มาได้ยังไง !? "
" นั้นไม่ใช่ธุระของเจ้า " เจ้าตำหนักเอ่ยเสียงเรียบ " ข้าต้องการให้เจ้าช่วยกำราบของสิ่งนี้ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมีความรู้ของเทพโอสถ หากจะมีใครสักคนในโลกช่วยข้าออกจากพายุลูกนี้ได้ มันจะต้องเป็นเจ้า "
" ข้าไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและอมยิ้มเอ่ย " แต่ข้าบังเอิญพบหมื่นกระถางสวรรค์เมื่อไม่นานนี้ มันอาจจะช่วยได้ แต่ข้าต้องการเวลาและความช่วยเหลือจากเจ้า "
" ไม่มีปัญหา " เจ้าตำหนักเอ่ย
ฉิวหรงว่านเสวี่ยคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเต็มไปด้วยความกังวล นางนั้นรออยู่กว่าสิบวันก่อนที่หลี่ฉีเย่จะปรากฏตัวออกมา
" พวกเราไปเถอะ " เขาเดินออกมาและกล่าวกับฉิวหรงว่านเสวี่ย
" เจ้าไม่เป็นไรนะ ? " เห็นการปราฏตัวพร้อมกับความเหนื่อยล้าของเขา นางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย " ไม่เป็นไร ข้าเพียงใช้พลังมากไปหน่อย เพียงพักหนึ่งหรือสองวันก็พอ "
ทั้งสองนั้นออกมาจากตำหนักบุปผาบรรพชน จากเริ่มต้นจนถึงจบ ฉิวหรงว่านเสวี่ยเห็นคนเพียงสองคนที่ภายใน หนึ่งคือผีรับใช้อีกคนคือเจ้าตำนัก กล่าวให้ถูกคือหนึ่งคนหนึ่งผี
แม้ว่าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นจะมีบรรพยากาศเช่นเดียวกับสายเลือดจักรพรรดิ ฉิวหรงว่านเสวี่ยก็ยังรู้สึกปลอดโปร่งเมื่อออกมา สถานที่แห่งนั้นแม้แต่เต็มไปด้วยความสงบ แต่มันก็ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศที่น่ากลัว
นางนั้นเข้าใจสถานที่อื่นๆในสุสานใหญ่มากขึ้น ไม่นานนางก็รู้ได้ว่าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นซ่อนบางอย่างไว้ นางนั้นมีคำถามจำนวนมากอยากจะถาม อย่างเช่นทำไมเจ้าตำหนักยังมีชีวิตอยู่ ? เขากลายเป็นเจ้าตำหนักมานานเท่าไหร่แล้ว ?
นางนั้นต้องการจะถามหลี่ฉีเย่แต่นางไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร
หลี่ฉีเย่สังเกตท่าทางอึดอัดใจของนางและอมยิ้มเอ่ย " เจ้าสามารถถามได้หากเจ้ามีคำถามใดๆ บางทีข้าอาจจะบอกบางอย่างกับเจ้าได้ "
" เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นเป็นคนแบบใดกัน ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยถามอย่างอยากรุ้อยากเห็น
เจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นเป็นสหายกับหลี่ฉีเย่และเหมือนจะใกล้ชิดกันมาก ดังนั้นคนคนนี้จะเป็นผู้เยาว์ในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ การเป็นเจ้าตำหนักด้วยอายุที่น้อยเช่นนี้เขาจะต้องมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจอย่างมาก คนคนนี้สมควรจะเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง
ทว่านางนั้นเข้าใจผิดอย่างสมบูรณ์ เพราะคิดว่าเจ้าตำหนักเป็นคนมีชีวิตนางจึงคิดว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนยุคสมัยเดียวกันนาง
" อืมม..." หลี่ฉีเย่คิดชั่วคราวก่อนจะส่ายหัวและเอ่ย " นี้เป็นความลับ มันไม่ดีหากเจ้าจะรู้ข้อมูลพวกนี้ มันอาจจะนำหายนะมาสู่ตัวเจ้าได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นทำเพียงยิ้มและไม่ได้เอ่ยถามอย่างอื่นอีก นางนั้นเป็นผู้หญิงที่รู้สถานะการณ์และไม่ต้องการทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากกับนายน้อย
สุดท้ายนางก็เอ่ยถาม " พวกเราจะไปไหนกัน ? "
หลี่ฉีเย่หรี่สายตาของเขาก่อนจะมองไปยังผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้ใหญ่ด้านข้าง และเอ่ย " พวกเราจะตามหาบางคน เช่นนั้นข้าจะช่วยเหลือเจ้าได้ จากนั้นพวกเราจะจัดการบางอย่างและทำให้เรื่องนี้จบ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นและหอมหวานอยู่ในหัวใจ นางนั้นไม่รู้ว่าหลี่ฉีเย่กำลังมองหาใคร แต่ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญกับนาง
ช่วงเวลาที่พวกเขาออกมาจากตำหนักบุปผาบรรพชน คนที่พวกเขากำลังมองหน้าก็มาปรากฏอยู่หน้าประตู คนแปลกหน้านี้ปรากฏตัวจากระยะไกล เขาเป็นชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยผ้าคลุมสีเหลืองราวกับคนรับใช้และมีรอยยิ้มลึกลับ
" ข้าได้ยินว่าสหายเต๋าท่านนี้กำลังมองหาข้า ? " ชายหนุ่มที่ดุอยากจนเอ่ยถาม แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
นี้เป็นเรื่องน่าเหลื่อเชื่ออย่างมากที่คนจากสุสานใหญ่นั้นมาหาคนนอก ผีที่อาศัยอยู่ที่นี่มันไม่ยุ่งกับคนภายนอก พวกเขานั้นไม่มีพลังงานในสายเลือดและชีวิต ทว่าสายตาของผีตนนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา นี้ทำให้หัวใจของฉิวหรงว่านเสวี่ยยิ่งตื่นตระหนก
ในความเป็นจริง นางนั้นเห็นสิ่งแปลกๆมามาก ตัวอย่างเช่นเจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทว่าผีตนนี้ด้วยสายตาของเขาก็ยังทำให้นางตกตะลึง...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น