ตอนที่ 467 เข้าสมาธิ
" มานี้ " หลี่ฉีเย่กวักมือเรียกฉิวหรงว่านาเสวี่ยก่อนจะเดินไปข้างหน้า
เวลานี้เขานั้นเดินไปที่และหยุดพัก แต่มันไม่เหมือนกับเขากำลังทำความเข้าใจของคัมภีร์แต่กำลังหาสิ่งอื่น ฉิวหรงว่านเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " นายน้อยกำลังพยามจะหาอะไรอยู่ ? "
หลี่ฉีเย่ชี้ไปที่เส้นขอบฟ้าและเอ่ย " พวกเราจะเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ แต่อย่างแรก พวกเราจะต้องหาสถานที่ที่มีแก่นแท้ของชีวิตจริงก่อนจะขึ้นไป "
" ทำไมพวกเราไม่บินขึ้นไป ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปยังท้องฟ้าและเอ่ย นางนั้นอยากรู้อย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ที่นนั้น
" เจ้าควรลอง " หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ย
นางนั้นไว้ใจหลี่ฉีเย่อย่างมาก ดังนั้นนางจึงตัดสินใจบินขึ้นในทันที ทว่าช่วงเวลาที่นางพึงจะลอยตัวขึ้นเหมือนกับมีฝ่ามือขนาดใหญ่กดทับลงมาจากฟ้า ทำให้นางตกลงพื้นด้วยความมึนงง
" เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ? " หลี่ฉีเย่เดินเข้ามาใกล้และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ฉิวหรงว่านเสวี่ยลุกขึ้นก่อนจะมองเขาด้วยความโกรธ " นายน้อยหลอกข้า ! ท่านรู้อยู่แล้วมันจะมีแรงกดดันกดลงมาแต่ท่านก็ยังให้ข้าบิน ! "
หลี่ฉีเย่ทำเพียงหัวเราะและส่ายหัว " นี้ไม่ใช่แรงกดดัน ทั้งสองสถานที่นั้นไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน เจ้าไม่รู้ว่าสถานที่นี่คือที่ใด ดังนั้นเจ้าจึงไม่เข้าใจช่องว่างของมัน.."
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปที่เขาที่กำลังยิ้มด้วยความขุ่นเคือง
พวกเขาทั้งสองเดินทางอย่างต่อเนื่องไปยังภูเขาและแม่น้ำต่างๆ พวกเขานั้นเดินเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่สามารถหาสถานที่ที่หลี่ฉีเย่กำลังมองหาเจอ
สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ที่มีความแตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้่นเชิง ที่นี่ไม่มียอดเต๋าที่สร้างเป็นภูเขาหรือแม่น้ำ ไม่มีหญ้าหรือปลามีเพียงแผ่นดินที่มอดไหม้ - เยือกเย็นและไร้ชีวิตชีวา
สถานที่แห่งนี้ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่ยังมีนกบินและปลาว่ายในน้ำ ตรงกันข้ามสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความมอดไหม้และมีเพียงความเงียบสงบ
" ที่นี่แหละ ! " หลี่ฉีเย่ถูกดึงดูดโดยโลกที่มอดไหม้นี้ เขารีบก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้และมองดูอย่างใกล้ชิด มันดูเหมืนอว่ามีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา
ฉิวหรงว่านเสวี่ยตามเขามาทันที นางนั้นสังเกตได้ว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากขบวนมดที่เดินอยู่บนพื้นดิน นางไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามดเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตหรือว่าเป็นยอดเต๋า
จากนั้นนางก็สังเกตอย่างระมัดระวังจนพบได้ว่ามดทั้งหมดนั้นมีสิบตัวและพวกมันเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบวงกลม
ไม่ รอเดี๋ยว ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองพวกมันอีกครั้งก่อนจะพบว่ามันขาดไปตัวหนึ่งและเหลืออยู่เพียงเก้าตัว เมื่อนางพยามเริ่มนับอีกครั้งมดที่หายไปก็ปรากฏและกลายเป็นสิบตัวอีกครั้ง
นางนั้นพบว่าบางอย่างไม่ถกต้อง เมื่อนางมองพวกมัน นางพบว่าจริงแล้วๆมีมดเพียงหนึ่งตัวและอีกเก้าตัวหายไปที่ใดก็ไม่ทราบ
" มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? " นางกลายเป็นตกตะลึง นางมองไปที่กลุ่มและนับมันอีกครั้ง มดเก้าตัวที่หายไปปรากฏออกมาและกลายเป็นวงกลมที่สมบูรณ์
นางไม่รู้ว่าเพราะนางเวียนหัวหรือมันเป็นเพียงภาพลวงตา นางมุ่งเน้นจิตใจของนางจ้องมองมันอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่ามีมดเท่าไหร่กันแน่ ทันใดนั้นแผ่นดินก็เหมือนจะสั่นสะเทือนดูเหมือนมีมดนับล้านตัววิ่งเป็นวงกลม นี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่นางมองเห็นก่อนจะสลบไป
ขณะที่นางกำลังอยู่ในอาการหมดสติ กระแสพลังงานเย็นเข้ามาคุ้มครองร่างกายของนาง ทำให้นางเริ่มได้สติ นางทันใดนั้นก็ตื่นขึ้นทันที เป็นหลี่ฉีเย่ที่นำนางมาจากอาการหมดสติ
" อย่าได้มองมัน หัวใจเต๋าของเจ้านั้นยังไม่แข็งแกร่งพอจะจ้องมองสิ่งนี้ " หลี่ฉีเย่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
ความจริง มีคนจำนวนไม่มากในโลกนี้ที่สามารถบอกได้ว่ามดนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ เว้นแต่จักรพรรดิอมตะหรือคนที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนอย่างหลี่ฉีเย่ ไม่เช่นนั้นหัวใจเต๋าของพวกเขาจะสั่นสะท้าน !
" นี้มันคือสิ่งใด ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นตกตะลึงอย่างมากและยังไม่รู้ว่ามดนั้นมีจำนานเท่าไหร่
" นี้เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของเจ้า " หลี่ฉีเย่ตอบก่อนจะสังเกตความอยากรู้อยากเห็นของนางและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " ปริมาณนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ดั้งเดิมนั้นมันมีเก้า และสิบจะกลายเป็นขั้นสมบูรณ์ ! "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยยังคงสับสนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่หลี่ฉีเย่คิดว่ามันไม่แปลก " ลองเดินไปที่อื่นดูว่าเจ้าจะสามารถพบอะไรได้บ้างหรือสถานที่ที่ข้าพยามจะหา หากเจ้าพบอันตรายใดๆ ส่งข้อความทางจิตมาหาข้า "
หลังจากเอ่ยเสร็จ เขาก็มอบลงและจ้องมองดูการเคลื่อนไหวของมดอย่างระวัง เขาถูกดูดอย่างสมบูรณ์และมุ่งสมาธิ
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่ได้รบกวนเขาและเดินไปที่อื่น
หลี่ฉีเย่นั้นลืมทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่สมบูรณ์ตั้งแต่เขาจ้องการเคลื่อนไหวของมด ในสานตาคนอื่นมดกำลังเคลื่อนไหว แต่หลี่ฉีเย่นั้นต่างออกไป มดเหล่านี้กำลังจะสร้างจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานาเท่าไหร่ หลี่ฉีเย่พบเบาะแสบางอย่างและพึมพำ " น่าสนใจ ไม่ประหลาดใจเลยทำไมเขาถึงจบลงเช่นนั้น เขานั้นทำความเข้าใจกับบางสิ่งดังนั้นอำนาจสวรรค์จึงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิต น่าประทับใจ...ทว่าน่าเสียดายที่มันยังไม่สมบูรณ์ หากเขาสามารถเข้าใจมันได้ เช่นนั้นเขาจะเป็นคนแรกที่กวาดผ่านยุค ! "
เหล่าบรรดาคนที่มาจ้องมองมดที่เคลื่อนไหวเป็นวงกลม - พวกเขาจะพบว่าไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าสำหรับคนที่มีความเข้าใจเล็กน้อย พวกเขาจะพบว่าการเคลื่อนไหวของมดเหล่านี้เต็มไปด้วยความลึกลับและน่าตกตะลึง ภายในวงกลมมดเต็มไปด้วยรากฐานของเต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และปฐพี แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงมดธรรดมาพวกมันก็แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ชีวิตและความตาย หยินและหยาง ทุกตัวตนทุกสิ่งมีชีวิตในโลกนี้
แม้แต่จักรพรรดิอมตะก็ต้องตกตะลึงหากพวกเขามาเห็นสิ่งนี้ ทว่าน่าเสียดายมันยังไม่ถูกพัฒนาอย่างสมบูณร์และเป็นเพียงต้นแบบ
แต่มันก็ยังเป็นรากฐานของเต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และความลึกซึ้งของปฐพี สิ่งที่มีอำนาจในการสร้างชีวิต
หากนำมันไปขยายในวงจรที่ใหญ่ขึ้น นี้จะเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต ! ทว่ามดเหล่านี้เป็นเพียงต้นแบบ หลี่ฉีเย่นั้นเคยพยามคาดการณ์และมั่นใจว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง
นี้หมายความว่าสิ่งมีชีวิตในอดีตเคยเดินผ่านเส้นทางนี้ หลังจากที่ใช้ความพยามและการคำนวนนับครั้งไม่ถ้วน เขาในที่สุดก็พบช่องว่างของเต๋าแท้จริงของสวรรค์และปฐพี ตัวตนนี้เข้าใจความหมายที่ต่างออกไปและใช้เต๋าแท้จริงในการสร้างยอดเต๋า
ทว่าน่าเสียดายสิ่งที่ตัวตนนี้สร้างขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุด บางสิ่งที่ยากจะสมบูรณ์ ในเวลานั้นด้วยหลากหลายเหตุผล สิ่งที่ท้าทายสวรรค์นี้ไม่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์ชั้นสูงดังนั้นตัวตนนี้จึงถูกบังคับสู่หนทางที่สิ้นหวัง
หลี่ฉีเย่หมกหมุ่นกับการพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ เขาคำนวนด้วยตัวอักษรจำนวนมากที่ปรากฏอยู่ในทะเลแห่งความทรงจำ ทุกความทรงจำที่ถูกลบและทุกการทดลองล้วนถูกเรียกคืนมาอย่างช้าๆ
หลี่ฉีเย่ในฐานะอีกาทมิฬ เขานั้นแตกต่างจากเหล่าคนใกล้ตาย พวกเขาเหล่านั้นต้องผนึกตัวเองด้วยหินหยดเลือด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย พวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก
อีกาทมิฬนั้นต่างออกไป มันยังคงมีชีวิตและตัวตนอยู่ในโลกเสมอ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กวาดผ่านเก้าชั้นฟ้าและสิบแผ่นดิน มันเต็มไปด้วยความรู้และภูมิปัญญาที่คนอื่นยากจะเทียบ
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา มันเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันและได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ทั้งหมดล้วนโคจรรอบกุญแจสำคัญสามอย่าง ความเป็นอมตะ , ชีวิตนิรันดร์ , และการกำเนิด !
ก้าวผ่านยุดต่างๆ อีกาทมิฬได้สร้างตัวตนอมตะจำนวนมาก นี้เป็นรูปแบบการฝึกฝนของเขา เป็นการสะสมความสำเร็จไปให้ถึงระดับความเป็นอมตะที่แท้จริง
ต่อมาเขาก็เริ่มต้นศึกษาในหัวข้อของชีวิตนิรันดร์ - ความเป็นอมตะที่แท้จริง นี้เป็นหัวข้อที่ได้ล่อลวงทุกคนตลอดหลายยุค
สุดยอดสิ่งมีชีวิตในช่วงยุดรกล้าง และจักรพรรดิอมตะในช่วงยุคจักรพรรดิล้วนสำรวจบนเส้นทางนี้ พวกเขาอย่างกจะเป็นอมตะอย่างแท้จริง
อีกาทมิฬนั้นเป็นกรณีพิเศษของความเป็นอมตะที่แท้จริง เขานั้นรู้ตัวเองว่าสิ่งของนี้มันจอมปลอมและขึ้นอยู่กับถ้ำปีศาจอมตะ ตราบใดที่ร่างกายเขายังอยู่ที่ถ้ำ อีกาทมิฬจะยังเป็นอมตะ
ทว่าความเป็นอมตะนี้มันกับอยู่ในน้ำมือของคนอื่น ดังนั้นหลังจากผ่านมาหลายปี เมื่ออีกาทมิฬได้เก็บสั่งสมความรู้บนเส้นทางสายนี้มากพอ หลี่ฉีเย่จึงพยามหาความเป็นอมตะที่แท้จริง
เขานั้นเดินมาไกลมากบนเส้นทางสายนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด หลังจากทั้งหมดเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีคนได้รับชีวิตนิรันดร์ เว้นแต่พวกเขาจะได้รับบางสิ่ง บางสิ่งอย่างคัมภีร์เก้าสวรรค์ลับในตำนาน
เพราะเส้นทางแห่งความเป็นอมตะนั้นยาวไกล หลี่ฉีเย่จึงเปลี่ยนเป้าหมายของเขา หากเขาไม่สามารถเป็นอมตะได้แล้วเช่นนั้นการสร้างชีวิตใหม่โดยใช้เต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และปฐพีเป็นอย่างไร ? หรือกระทั้งการกำเนิดชีวิตในโลกใหม่ ?
เขาได้พยามหลายครั้งในการเดินบนเส้นทางแห่งต้นกำเนิดชีวิตและการสร้างใหม่ แต่นี้คือการขัดกับสวรรค์ชั้นสูง จักรพรดริอมตะจำนวนมากได้พยามในอดีตและพวกเขาพบกับความล้มเหลวทุกครั้ง
หลี่ฉีเย่ยังมีความพยามเป็นเวลานานมากโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ อย่างที่เขากล่าวก่อนหน้า ไม่มีใครสามารถเข้าใจเต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และปฐพีได้
วันนี้หลังจากเห็นมดทั้งสิบเคลื่อนไหว หลี่ฉีเย่กลายเป็นตกตะลึงอย่างมาก หลังจากที่พยามค้นคว้าและลองมาหลายครั้ง เขาสุดท้ายก็พบคนที่เดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ทว่าน่าเสียดายที่คนคนนั้นจากไปก่อนและเขาไม่ได้พบ
หลี่ฉีเย่นั้นมกหมุนอย่างมากในการดูมดเหล่านี้ หากเส้นทางนี้นั้นเป็นจริงและปราศจากข้อบกพร่องมันจะน่ากลัวอย่างมาก ในเวลานั้นจักรพรรดิอมตะล้วนไร้ค่า ! สวรรค์ชั้นสูงก็ล้วนไร้ค่า !
มันราวกับว่าเขาได้กลายเป็นรูปปั้นหินเพื่อพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ การพยามครั้งนี้แน่นอนว่าอาจจะทำให้เขาตกสู่วิกฤต
หลี่ฉีเย่ตัวเขาเอก็งไม่สามารถเวลาช่วงเวลาที่กำลังสังเกตสิ่งเหล่านี้ พลังงานในสายเลือดและพลังชีวิตของเขาได้ถูกสูบออกไป..
" มานี้ " หลี่ฉีเย่กวักมือเรียกฉิวหรงว่านาเสวี่ยก่อนจะเดินไปข้างหน้า
เวลานี้เขานั้นเดินไปที่และหยุดพัก แต่มันไม่เหมือนกับเขากำลังทำความเข้าใจของคัมภีร์แต่กำลังหาสิ่งอื่น ฉิวหรงว่านเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม " นายน้อยกำลังพยามจะหาอะไรอยู่ ? "
หลี่ฉีเย่ชี้ไปที่เส้นขอบฟ้าและเอ่ย " พวกเราจะเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ แต่อย่างแรก พวกเราจะต้องหาสถานที่ที่มีแก่นแท้ของชีวิตจริงก่อนจะขึ้นไป "
" ทำไมพวกเราไม่บินขึ้นไป ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปยังท้องฟ้าและเอ่ย นางนั้นอยากรู้อย่างมากเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ที่นนั้น
" เจ้าควรลอง " หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ย
นางนั้นไว้ใจหลี่ฉีเย่อย่างมาก ดังนั้นนางจึงตัดสินใจบินขึ้นในทันที ทว่าช่วงเวลาที่นางพึงจะลอยตัวขึ้นเหมือนกับมีฝ่ามือขนาดใหญ่กดทับลงมาจากฟ้า ทำให้นางตกลงพื้นด้วยความมึนงง
" เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ? " หลี่ฉีเย่เดินเข้ามาใกล้และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ฉิวหรงว่านเสวี่ยลุกขึ้นก่อนจะมองเขาด้วยความโกรธ " นายน้อยหลอกข้า ! ท่านรู้อยู่แล้วมันจะมีแรงกดดันกดลงมาแต่ท่านก็ยังให้ข้าบิน ! "
หลี่ฉีเย่ทำเพียงหัวเราะและส่ายหัว " นี้ไม่ใช่แรงกดดัน ทั้งสองสถานที่นั้นไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน เจ้าไม่รู้ว่าสถานที่นี่คือที่ใด ดังนั้นเจ้าจึงไม่เข้าใจช่องว่างของมัน.."
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปที่เขาที่กำลังยิ้มด้วยความขุ่นเคือง
พวกเขาทั้งสองเดินทางอย่างต่อเนื่องไปยังภูเขาและแม่น้ำต่างๆ พวกเขานั้นเดินเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่สามารถหาสถานที่ที่หลี่ฉีเย่กำลังมองหาเจอ
สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ที่มีความแตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้่นเชิง ที่นี่ไม่มียอดเต๋าที่สร้างเป็นภูเขาหรือแม่น้ำ ไม่มีหญ้าหรือปลามีเพียงแผ่นดินที่มอดไหม้ - เยือกเย็นและไร้ชีวิตชีวา
สถานที่แห่งนี้ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ไม่เหมือนกับก่อนหน้าที่ยังมีนกบินและปลาว่ายในน้ำ ตรงกันข้ามสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความมอดไหม้และมีเพียงความเงียบสงบ
" ที่นี่แหละ ! " หลี่ฉีเย่ถูกดึงดูดโดยโลกที่มอดไหม้นี้ เขารีบก้าวเท้าเข้าไปในพื้นที่แห่งนี้และมองดูอย่างใกล้ชิด มันดูเหมืนอว่ามีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา
ฉิวหรงว่านเสวี่ยตามเขามาทันที นางนั้นสังเกตได้ว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากขบวนมดที่เดินอยู่บนพื้นดิน นางไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามดเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตหรือว่าเป็นยอดเต๋า
จากนั้นนางก็สังเกตอย่างระมัดระวังจนพบได้ว่ามดทั้งหมดนั้นมีสิบตัวและพวกมันเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบวงกลม
ไม่ รอเดี๋ยว ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองพวกมันอีกครั้งก่อนจะพบว่ามันขาดไปตัวหนึ่งและเหลืออยู่เพียงเก้าตัว เมื่อนางพยามเริ่มนับอีกครั้งมดที่หายไปก็ปรากฏและกลายเป็นสิบตัวอีกครั้ง
นางนั้นพบว่าบางอย่างไม่ถกต้อง เมื่อนางมองพวกมัน นางพบว่าจริงแล้วๆมีมดเพียงหนึ่งตัวและอีกเก้าตัวหายไปที่ใดก็ไม่ทราบ
" มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? " นางกลายเป็นตกตะลึง นางมองไปที่กลุ่มและนับมันอีกครั้ง มดเก้าตัวที่หายไปปรากฏออกมาและกลายเป็นวงกลมที่สมบูรณ์
นางไม่รู้ว่าเพราะนางเวียนหัวหรือมันเป็นเพียงภาพลวงตา นางมุ่งเน้นจิตใจของนางจ้องมองมันอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่ามีมดเท่าไหร่กันแน่ ทันใดนั้นแผ่นดินก็เหมือนจะสั่นสะเทือนดูเหมือนมีมดนับล้านตัววิ่งเป็นวงกลม นี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่นางมองเห็นก่อนจะสลบไป
ขณะที่นางกำลังอยู่ในอาการหมดสติ กระแสพลังงานเย็นเข้ามาคุ้มครองร่างกายของนาง ทำให้นางเริ่มได้สติ นางทันใดนั้นก็ตื่นขึ้นทันที เป็นหลี่ฉีเย่ที่นำนางมาจากอาการหมดสติ
" อย่าได้มองมัน หัวใจเต๋าของเจ้านั้นยังไม่แข็งแกร่งพอจะจ้องมองสิ่งนี้ " หลี่ฉีเย่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
ความจริง มีคนจำนวนไม่มากในโลกนี้ที่สามารถบอกได้ว่ามดนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ เว้นแต่จักรพรรดิอมตะหรือคนที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนอย่างหลี่ฉีเย่ ไม่เช่นนั้นหัวใจเต๋าของพวกเขาจะสั่นสะท้าน !
" นี้มันคือสิ่งใด ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นตกตะลึงอย่างมากและยังไม่รู้ว่ามดนั้นมีจำนานเท่าไหร่
" นี้เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของเจ้า " หลี่ฉีเย่ตอบก่อนจะสังเกตความอยากรู้อยากเห็นของนางและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม " ปริมาณนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ดั้งเดิมนั้นมันมีเก้า และสิบจะกลายเป็นขั้นสมบูรณ์ ! "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยยังคงสับสนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่หลี่ฉีเย่คิดว่ามันไม่แปลก " ลองเดินไปที่อื่นดูว่าเจ้าจะสามารถพบอะไรได้บ้างหรือสถานที่ที่ข้าพยามจะหา หากเจ้าพบอันตรายใดๆ ส่งข้อความทางจิตมาหาข้า "
หลังจากเอ่ยเสร็จ เขาก็มอบลงและจ้องมองดูการเคลื่อนไหวของมดอย่างระวัง เขาถูกดูดอย่างสมบูรณ์และมุ่งสมาธิ
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่ได้รบกวนเขาและเดินไปที่อื่น
หลี่ฉีเย่นั้นลืมทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่สมบูรณ์ตั้งแต่เขาจ้องการเคลื่อนไหวของมด ในสานตาคนอื่นมดกำลังเคลื่อนไหว แต่หลี่ฉีเย่นั้นต่างออกไป มดเหล่านี้กำลังจะสร้างจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานาเท่าไหร่ หลี่ฉีเย่พบเบาะแสบางอย่างและพึมพำ " น่าสนใจ ไม่ประหลาดใจเลยทำไมเขาถึงจบลงเช่นนั้น เขานั้นทำความเข้าใจกับบางสิ่งดังนั้นอำนาจสวรรค์จึงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิต น่าประทับใจ...ทว่าน่าเสียดายที่มันยังไม่สมบูรณ์ หากเขาสามารถเข้าใจมันได้ เช่นนั้นเขาจะเป็นคนแรกที่กวาดผ่านยุค ! "
เหล่าบรรดาคนที่มาจ้องมองมดที่เคลื่อนไหวเป็นวงกลม - พวกเขาจะพบว่าไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าสำหรับคนที่มีความเข้าใจเล็กน้อย พวกเขาจะพบว่าการเคลื่อนไหวของมดเหล่านี้เต็มไปด้วยความลึกลับและน่าตกตะลึง ภายในวงกลมมดเต็มไปด้วยรากฐานของเต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และปฐพี แม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงมดธรรดมาพวกมันก็แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ชีวิตและความตาย หยินและหยาง ทุกตัวตนทุกสิ่งมีชีวิตในโลกนี้
แม้แต่จักรพรรดิอมตะก็ต้องตกตะลึงหากพวกเขามาเห็นสิ่งนี้ ทว่าน่าเสียดายมันยังไม่ถูกพัฒนาอย่างสมบูณร์และเป็นเพียงต้นแบบ
แต่มันก็ยังเป็นรากฐานของเต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และความลึกซึ้งของปฐพี สิ่งที่มีอำนาจในการสร้างชีวิต
หากนำมันไปขยายในวงจรที่ใหญ่ขึ้น นี้จะเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต ! ทว่ามดเหล่านี้เป็นเพียงต้นแบบ หลี่ฉีเย่นั้นเคยพยามคาดการณ์และมั่นใจว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง
นี้หมายความว่าสิ่งมีชีวิตในอดีตเคยเดินผ่านเส้นทางนี้ หลังจากที่ใช้ความพยามและการคำนวนนับครั้งไม่ถ้วน เขาในที่สุดก็พบช่องว่างของเต๋าแท้จริงของสวรรค์และปฐพี ตัวตนนี้เข้าใจความหมายที่ต่างออกไปและใช้เต๋าแท้จริงในการสร้างยอดเต๋า
ทว่าน่าเสียดายสิ่งที่ตัวตนนี้สร้างขึ้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุด บางสิ่งที่ยากจะสมบูรณ์ ในเวลานั้นด้วยหลากหลายเหตุผล สิ่งที่ท้าทายสวรรค์นี้ไม่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์ชั้นสูงดังนั้นตัวตนนี้จึงถูกบังคับสู่หนทางที่สิ้นหวัง
หลี่ฉีเย่หมกหมุ่นกับการพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ เขาคำนวนด้วยตัวอักษรจำนวนมากที่ปรากฏอยู่ในทะเลแห่งความทรงจำ ทุกความทรงจำที่ถูกลบและทุกการทดลองล้วนถูกเรียกคืนมาอย่างช้าๆ
หลี่ฉีเย่ในฐานะอีกาทมิฬ เขานั้นแตกต่างจากเหล่าคนใกล้ตาย พวกเขาเหล่านั้นต้องผนึกตัวเองด้วยหินหยดเลือด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย พวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก
อีกาทมิฬนั้นต่างออกไป มันยังคงมีชีวิตและตัวตนอยู่ในโลกเสมอ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กวาดผ่านเก้าชั้นฟ้าและสิบแผ่นดิน มันเต็มไปด้วยความรู้และภูมิปัญญาที่คนอื่นยากจะเทียบ
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา มันเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันและได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ทั้งหมดล้วนโคจรรอบกุญแจสำคัญสามอย่าง ความเป็นอมตะ , ชีวิตนิรันดร์ , และการกำเนิด !
ก้าวผ่านยุดต่างๆ อีกาทมิฬได้สร้างตัวตนอมตะจำนวนมาก นี้เป็นรูปแบบการฝึกฝนของเขา เป็นการสะสมความสำเร็จไปให้ถึงระดับความเป็นอมตะที่แท้จริง
ต่อมาเขาก็เริ่มต้นศึกษาในหัวข้อของชีวิตนิรันดร์ - ความเป็นอมตะที่แท้จริง นี้เป็นหัวข้อที่ได้ล่อลวงทุกคนตลอดหลายยุค
สุดยอดสิ่งมีชีวิตในช่วงยุดรกล้าง และจักรพรรดิอมตะในช่วงยุคจักรพรรดิล้วนสำรวจบนเส้นทางนี้ พวกเขาอย่างกจะเป็นอมตะอย่างแท้จริง
อีกาทมิฬนั้นเป็นกรณีพิเศษของความเป็นอมตะที่แท้จริง เขานั้นรู้ตัวเองว่าสิ่งของนี้มันจอมปลอมและขึ้นอยู่กับถ้ำปีศาจอมตะ ตราบใดที่ร่างกายเขายังอยู่ที่ถ้ำ อีกาทมิฬจะยังเป็นอมตะ
ทว่าความเป็นอมตะนี้มันกับอยู่ในน้ำมือของคนอื่น ดังนั้นหลังจากผ่านมาหลายปี เมื่ออีกาทมิฬได้เก็บสั่งสมความรู้บนเส้นทางสายนี้มากพอ หลี่ฉีเย่จึงพยามหาความเป็นอมตะที่แท้จริง
เขานั้นเดินมาไกลมากบนเส้นทางสายนี้ แต่ก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด หลังจากทั้งหมดเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีคนได้รับชีวิตนิรันดร์ เว้นแต่พวกเขาจะได้รับบางสิ่ง บางสิ่งอย่างคัมภีร์เก้าสวรรค์ลับในตำนาน
เพราะเส้นทางแห่งความเป็นอมตะนั้นยาวไกล หลี่ฉีเย่จึงเปลี่ยนเป้าหมายของเขา หากเขาไม่สามารถเป็นอมตะได้แล้วเช่นนั้นการสร้างชีวิตใหม่โดยใช้เต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และปฐพีเป็นอย่างไร ? หรือกระทั้งการกำเนิดชีวิตในโลกใหม่ ?
เขาได้พยามหลายครั้งในการเดินบนเส้นทางแห่งต้นกำเนิดชีวิตและการสร้างใหม่ แต่นี้คือการขัดกับสวรรค์ชั้นสูง จักรพรดริอมตะจำนวนมากได้พยามในอดีตและพวกเขาพบกับความล้มเหลวทุกครั้ง
หลี่ฉีเย่ยังมีความพยามเป็นเวลานานมากโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ อย่างที่เขากล่าวก่อนหน้า ไม่มีใครสามารถเข้าใจเต๋าแท้จริงแห่งสวรรค์และปฐพีได้
วันนี้หลังจากเห็นมดทั้งสิบเคลื่อนไหว หลี่ฉีเย่กลายเป็นตกตะลึงอย่างมาก หลังจากที่พยามค้นคว้าและลองมาหลายครั้ง เขาสุดท้ายก็พบคนที่เดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง ทว่าน่าเสียดายที่คนคนนั้นจากไปก่อนและเขาไม่ได้พบ
หลี่ฉีเย่นั้นมกหมุนอย่างมากในการดูมดเหล่านี้ หากเส้นทางนี้นั้นเป็นจริงและปราศจากข้อบกพร่องมันจะน่ากลัวอย่างมาก ในเวลานั้นจักรพรรดิอมตะล้วนไร้ค่า ! สวรรค์ชั้นสูงก็ล้วนไร้ค่า !
มันราวกับว่าเขาได้กลายเป็นรูปปั้นหินเพื่อพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ การพยามครั้งนี้แน่นอนว่าอาจจะทำให้เขาตกสู่วิกฤต
หลี่ฉีเย่ตัวเขาเอก็งไม่สามารถเวลาช่วงเวลาที่กำลังสังเกตสิ่งเหล่านี้ พลังงานในสายเลือดและพลังชีวิตของเขาได้ถูกสูบออกไป..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น