ตอนที่ 475 ภายในอาณาจักรแห่งสวรรค์
ทะเลสาปกลายเป็นสดใสยิ่งกว่าเดิมเมื่อหลี่ฉีเย่นำชิ้นส่วนของกระดาษออกมา ประกายไฟอมตะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับจะมีสมบัติอมตะปรากฏออกมา
ผู้เยาว์เผ่าหินยักษ์ที่มาจากตระกูลโบราณสังเกตเห็นของในมือของหลี่ฉีเย่ก่อนจะตกตะลึงและอุทาน " นั้นมัน...นั้นกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้ายในำตาน ! "
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จำนวนมากที่มองมาจากสถานที่ห่างไกลเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ " อะไรนะ ? กุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ? "
กุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นเป็นสิ่งที่พบได้เพียงในตำนาน มีคนจำนวนน้อยมากที่เห็นมันด้วยตาตัวเอง มันอาจจะกล่าวได้ว่าหากต้องการเปิดหลุมฝังศพแห่งลางร้าย หนึ่งคือจะต้องมีกุญแจ
หลายคนนั้นคิดว่ามันจะเป็นเหมือนกุญแจปกติที่เปิดประตู ใครจะไปคิดว่ามันจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบดั่งเดิมและเป็นชิ้นส่วนของกระดาษแทน ?
ทุกคนรู้ว่ามีของสำคัญที่ถูกทิ้งไว้ในหลุมฝังศพและมีโอกาสที่พวกเขาจะได้รับคัมภีร์ลับเพื่อที่จะมีชีวิตนิรันดร์ นี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าการเป็นจักรพรรดิอมตะ
ฉิวหรงว่านเสวี่ยตกตะลึง ในเวลานี้นางนั้นเข้าใจแล้วว่าสิ่งของเขาได้รับมาจากเจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นก็คือกุญแจ
หลี่ฉีเย่ถือกุญแจขึ้นก่อนจะท่องบทสวด " จงเปิด ! " กุญแจทันใดนั้นก็ปลดปล่อยแสงเปล่งประกายส่องลงบนทะเลสาป สร้างเป็นเกลียวคลื่น
ทะเลสาปนั้นปรากฏภาพหรือผิวน้ำ มันเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยวิหารศักดิ์สิทธิ์และศาลาจำนวนมาก ราวกับเป็นเมืองแห่งเทพ
" ไม่ใช่ว่านั้นเป็น...อาณาจักรที่อยู่บนท้องฟ้า ?! " บางคนอุทาน
หลังจากถูกกระตุ้นหลายคนมองขึ้นไปยังอาณาจักรบนท้องฟ้าเพื่อเปรียบเทียบ มันกลายเป็นว่าภาพในทะเลสาปคืออาณาจักรบนท้องฟ้าจริงๆ
เมื่อพวกเขามาถึงเกาะนี้ หลายคนพยามจะขึ้นไปยังเกาะลึกลับบนท้องฟ้า แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนล้มเหลวไม่ว่าจะใช้วิธีการใด กระทั้งอัจฉริยะอย่างยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยวและยอดเซียนผีแมลงก็ยังล้มเหลว
เรื่องนี้สร้างคำถามให้กับคนจำนวนมากและทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความยากรู้ มีอะไรอยู่ในอาณาจักรบนท้องฟ้า ? หรือจะเป็นที่อาศัยของเทพ ?
บางคนก็สงสัยว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่หลังจากพวกเขาตรวจสอบด้วยเนตรสวรรค์พวกเขาก็พบว่ามันมีอยู่จริงๆ
นี้นำไปสู่คำถามที่ว่าจะมีทางไปถึงอาณาจักรบนท้องฟ้าได้จริงๆรึ ?
ตอนนี้หลังจากเห็นอาณาจักรบนท้องฟ้าปรากฏบนผิวของทะเลสาป ผู้เยาว์จำนวนมากตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างได้
" หรือทะเลสาปจะเป็นกุญแจเพื่อเข้าไปยังอาณาจักรบนท้องฟ้า ? " หนึ่งในพวกเขาสันนิษฐาน
" ตูม ! " เวลานี้หลายคนกลายเป็นตกตะลึง เมื่อมีประตูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาเหนือทะเลสาป
ตัวอักษรจำนวนมากปรากฏอยู่ในกุญแจที่หลี่ฉีเย่ถืออยู่ เขาทันใดนั้นก็กอดฉิวหรงว่านเสวี่ยและตะโกน " ไป ! "
เมื่อคำนั้นถูกกล่าวออกมา ประตูเต๋าก็ได้ดูดพวกเขาทั้งสองเข้าไป
หลายคนที่มองอยู่กลายเป็นตกตะลึง บางคนนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการวิ่งไปยังประตูหลังจากที่หลี่ฉีเย่ได้เข้าไปแล้วเพื่อหวังว่าจะไปยังอาณาจักรบนท้องฟ้า ทว่าเขาก็ถูกส่งปลิวออกมาและไม่สามารถเข้าไปได้
เมื่อพวกเขาเริ่มที่จะเข้ามาใกล้ ประตูเต๋าก็ถูกดูดลงไปในทะเลสาปและหายไป
" น่าเสียดายอะไรเช่นนี้ ! " ทุกคนนั้นกระทืบเท้าของพวกเขาด้วยความเสียใจ พวกเขาทั้งหมดได้พลาดโอกาสที่หายากในชีวิต
" บางทีอาณาจักรบนท้องฟ้าอาจจะเป็นสถานที่ที่มีภูเขาสมบัติ..." บางคนพึมพำ
หลายคนรุ้สึกว่าเรื่องนี้มีเหตุผล ข่าวลือกล่าวว่าภูเขาสมบัตินั้นไม่เคยปรากฏออกมาหลายยุค ดังนั้นพวกเขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉาเมื่อเห็นหลี่ฉีเย่เข้าไป
* * *
เมื่อฉิวหรงว่านเสวี่ยฟื้นคืนสติของนาง นางก็รู้ได้ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่อื่น ที่นี่นางรู้สึกว่าร่างกายของนางนั้นเบาโหวง มันรู้สึกราวกับนางกำลังลอยขึ้นไป
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปรอบๆและพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ท่ามกลางอาณาจักรโบราณ ทุกสิ่งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ สถานที่แห่งนี้ใหญ่และมีวิหารจำนวนมาก วิหารเหล่านี้นั้นมีขนาดใหญ่โต..บางวิหารกระทั้งใหญ่กว่าเมือง
ในเวลานี้ หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นยืนอยู่หน้าพื้นที่ของวิหารโบราณ พื้นที่นี่้มีขนาดใหญ่มากและมันทำให้พวกเขาเป็นราวกับมดหรือไม่ก็ฝุ่นละออง
วิหารโบราณนี้มีขนาดใหญ่โตไปถึงจุดที่ว่าไม่สามารถมองเห็นมันทั้งหมดได้ มันเหมือนกับว่าวิหารนี้เป็นเมืองขนาใหญ่
หลี่ฉีเย่นำฉิวหรงว่านเสวี่ยเดินไปทางวิหารขนาดใหญ่ พวกเขานั้นเดินเป็นเวลานานก่อนจะเข้ามากใกล้ ที่นี่ฉิวหรงว่านเสวี่ยสังเกตได้ว่ามีรูปแบบขนาดใหญ่ด้านหน้าวิหารโบราณ
กล่าวให้ถูกต้อง มันเป็นที่ทำพิธีขนาดใหญ่สมบัติมากมายถูกวางไว้ด้านบนของที่นี่แห่งนี้ หลังจากมองอย่างระวัง นางก็ตระหนกได้ว่ามีสมบัติไม่น้อยที่ดูคุ้นเคยมาก นางนั้นเคยเห็นพวกมันที่งานประมูลเคาะโลงศพมาก่อน พวกมันเป็นสมบัติที่คนอื่นนำมาแลกเปลี่ยนกับภูติปีศาจ
นั้นถูกต้อง ภูติปีศาจนั้นนั่งทำสมาธิอยู่บนแท่นทำพิธีราวกับกำลังอยู่ในภวังค์
สมบัติทั้งหมดนั้นถูกฝังไว้รอบแท่นทำพิธีพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นแห่งชีวิตก่อนจะเข้าไปยังร่างของภูติปีศาจ
หลังจากยิ่งเปลวไฟออกไปแสงของสมบัติเหล่านี้ได้จางลงราวกับมันสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ไป
จากนั้นนางก็เข้าได้ใจว่าเขาแลกเปลี่ยนและสมบัติจากสุสานใหญ่เพื่อใช้พวกมัน นางกระซิบกับหลี่ฉีเย่ที่ด้านข้าง " ภูติปีศาจพยามจะทำอะไร ? "
หลี่ฉีเย่ชี้ไปที่วิหารขนาดใหญ่ด้านหน้าก่อนจะเอ่ย " เขาต้องการจะเปิดประตูของสถานที่แห่งนี้ เขานั้นใช้เวลาจำนวนมากเพื่อสะสมสมบัติในสุสานใหญ่ เพื่อที่จะดูดซับอำนาจที่ซ่อนอยู่ภายในของพวกมัน มีเพียงอำนาจศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเท่านั้นถึงเพียงพอจะเชื่อมต่อกับอีกฝังของประตูได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยจ้องไปยังวิหารโบราณและเห็นถึงประตูขนาดยักษ์ มันใหญ่ยิ่งกว่าประตูเมือง ! มันไม่ได้ปิดอยู่ แต่มันเหมือนมีกำแพงกั้นทางไว้ ราวกับเป็นเส้นทางที่ถูกผนึก
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นี่นางตกตะลึง นางนั้นสังเกตผ่านแสงกันและเห็นถึงภายในวิหารโบราณ นี้ทำให้นางตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ภายในวิหารโบราณนั้นเป็นท้องฟ้าไร้ที่สิ้นสุดและเต็มไปด้วยดวงดารา อีกแง่หนึ่งมันคือโลกขนาดใหญ่อีกโลก
นี้คือโลกที่พังทลาย ดวงดาราร่วงหล่นและท้องฟ้าถูกทำลาย มันเป็นโลกที่ตายแล้วและไม่มีแสงใดกวาดผ่าน เต๋าทั้งหมดถูกทำลาย มันดูเหมือนถูกอะไรบางอย่างฉีกเป็นชิ้นๆ
ปรากฏการด้านหน้านั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด ฝนศพนับไม่ถ้วนตกลงมาจากอากาศ มันมีทุกสิ่งมีชีวิต มีซากของสัตว์ขนาดยักษ์ ศพของมนุษย์ กล่าวได้ว่าเศษซากของร่างกายสิ่งมีชีวิตกำลังหล่นมาจากฟ้า - เป็นฉากทีน่ากลัวอย่างมาก
ในท้องฟ้านั้นมีประตูขนาดใหญ่ - แหล่งมีของศพ มันดูเหมือนว่าอำนาจที่ต้องการจะฉีกโลกนี้มาจากประตู
ฉิวหรงว่านเสวี่ยเห็นเงายืนอยู่บนประตูเหนือท้อฟ้า มันดูเหมือนว่าเงานี้พยามจะหยุดพลังงานที่จะฉีกโลก และพยามจะผนึกมัน
หนึ่งไม่สามารถมองเห็นเงานี้ได้อย่างชัดเจนราวกับมันเต็มไปด้วยความคลุมเครือ ทำให้มันดูคล้ายกับภาพลวงตา
" นั้นมัน...อะไร ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถามขณะที่ความหนาวเย็นแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ภายในวิหารนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและเวลาไร้สิ้นสุด อำนาจและซากศพที่ราวกับห่าฝนตกลงมันสร้างเป็นฉากที่น่ากลัว มันให้ความรู้แห่งลางร้าย
หลี่ฉีเย่ยังคงยืนอย่างสงบก่อนจะส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ " หายนะ , คำสาป , การลงโทษจากสวรรค์ ! "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปที่เงาที่กำลังพยามผนึกประตูและเอ่ย " นั้น...เป็นเพียงภาพลวงตา ? "
หลี่ฉีเย่มองไปที่เงาและเขาไม่ได้เอ่ยตอบ
ผ่านไปนาน ฉิวหรงว่านเสวี่ยเปลี่ยนสายตาไปมองยังภูติปีศาจที่กำลังดูดซับสมบัติ ตอนนี้เขาได้ดูซับอำนาจของสมบัติทุกชิ้นแล้ว
" ภูติปีศาจมาที่นี่ได้อย่างไร ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม " หรือเขาก็มีกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ? "
" ไม่ " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวของเขาและเอ่ย " ภูติปีศาจนั้นต่างจากคนอื่น ตราบใดที่เขาทำตามเงื่อนไขเขาจะเข้ามาภายในได้ ทว่าภูติปีศาจแน่นนอว่าไม่สามารถเข้าวิหารโบราณได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่รู้ว่ามันเป็นเงื่อนไขแบบใด แต่นางจำได้ว่าหลี่ฉีเย่เคยกล่าวตอนที่ทะเลราตรีเปลี่ยนเป็นใส่กระจ่าง , การปรากฏของทะเลสีทอง , และการต่อสุ้ระหว่างปลาหยางราตรีและเหล่าผู้ดูแล
" ตูม ! " ร่างกายของภูติปีศาจนั้นกลายเป็นสว่างราวกับดวงอาทิตย์ ความใส่ส่างนี้ไปถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถมองเขาได้ สมบัติที่ถูกดูดซับล้วนแตกกระจาย
เมื่อแสงที่เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขาไปถึงขีดสุด มันทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอักษรโบราณที่ราวกับจะปิดอำนาจของยอดเต๋าได้
" จงเปิด ! " ภูติปีศาจคำราม เวลานี้เขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอมตะราวกับเทพสงครมที่สยบเก้าชั้นฟ้า กลิ่นอายให้ความรู้สึกราวกับจักรพรรดิอมตะมาด้วยตัวเอง
กลิ่นอายนี้ไม่ได้มุ่งมาที่พวกเขาแต่ฉิวหรงว่านเสวี่ยยังไม่สามารถต้านท้านได้และเกือบจะทรุดลงไปที่พื้นดเิน หลี่ฉีเย่เอือมมือออกไปและประคองนางจากด้านหลัง มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้ที่มาปรากฏอยู่ด้านหน้าเขา แต่มันก็ไม่สามารถตต้านทานกลิ่นอายอมตะนี้ได้...
ทะเลสาปกลายเป็นสดใสยิ่งกว่าเดิมเมื่อหลี่ฉีเย่นำชิ้นส่วนของกระดาษออกมา ประกายไฟอมตะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับจะมีสมบัติอมตะปรากฏออกมา
ผู้เยาว์เผ่าหินยักษ์ที่มาจากตระกูลโบราณสังเกตเห็นของในมือของหลี่ฉีเย่ก่อนจะตกตะลึงและอุทาน " นั้นมัน...นั้นกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้ายในำตาน ! "
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จำนวนมากที่มองมาจากสถานที่ห่างไกลเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ " อะไรนะ ? กุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ? "
กุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นเป็นสิ่งที่พบได้เพียงในตำนาน มีคนจำนวนน้อยมากที่เห็นมันด้วยตาตัวเอง มันอาจจะกล่าวได้ว่าหากต้องการเปิดหลุมฝังศพแห่งลางร้าย หนึ่งคือจะต้องมีกุญแจ
หลายคนนั้นคิดว่ามันจะเป็นเหมือนกุญแจปกติที่เปิดประตู ใครจะไปคิดว่ามันจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบดั่งเดิมและเป็นชิ้นส่วนของกระดาษแทน ?
ทุกคนรู้ว่ามีของสำคัญที่ถูกทิ้งไว้ในหลุมฝังศพและมีโอกาสที่พวกเขาจะได้รับคัมภีร์ลับเพื่อที่จะมีชีวิตนิรันดร์ นี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าการเป็นจักรพรรดิอมตะ
ฉิวหรงว่านเสวี่ยตกตะลึง ในเวลานี้นางนั้นเข้าใจแล้วว่าสิ่งของเขาได้รับมาจากเจ้าตำหนักบุปผาบรรพชนนั้นก็คือกุญแจ
หลี่ฉีเย่ถือกุญแจขึ้นก่อนจะท่องบทสวด " จงเปิด ! " กุญแจทันใดนั้นก็ปลดปล่อยแสงเปล่งประกายส่องลงบนทะเลสาป สร้างเป็นเกลียวคลื่น
ทะเลสาปนั้นปรากฏภาพหรือผิวน้ำ มันเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยวิหารศักดิ์สิทธิ์และศาลาจำนวนมาก ราวกับเป็นเมืองแห่งเทพ
" ไม่ใช่ว่านั้นเป็น...อาณาจักรที่อยู่บนท้องฟ้า ?! " บางคนอุทาน
หลังจากถูกกระตุ้นหลายคนมองขึ้นไปยังอาณาจักรบนท้องฟ้าเพื่อเปรียบเทียบ มันกลายเป็นว่าภาพในทะเลสาปคืออาณาจักรบนท้องฟ้าจริงๆ
เมื่อพวกเขามาถึงเกาะนี้ หลายคนพยามจะขึ้นไปยังเกาะลึกลับบนท้องฟ้า แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนล้มเหลวไม่ว่าจะใช้วิธีการใด กระทั้งอัจฉริยะอย่างยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยวและยอดเซียนผีแมลงก็ยังล้มเหลว
เรื่องนี้สร้างคำถามให้กับคนจำนวนมากและทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความยากรู้ มีอะไรอยู่ในอาณาจักรบนท้องฟ้า ? หรือจะเป็นที่อาศัยของเทพ ?
บางคนก็สงสัยว่ามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่หลังจากพวกเขาตรวจสอบด้วยเนตรสวรรค์พวกเขาก็พบว่ามันมีอยู่จริงๆ
นี้นำไปสู่คำถามที่ว่าจะมีทางไปถึงอาณาจักรบนท้องฟ้าได้จริงๆรึ ?
ตอนนี้หลังจากเห็นอาณาจักรบนท้องฟ้าปรากฏบนผิวของทะเลสาป ผู้เยาว์จำนวนมากตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างได้
" หรือทะเลสาปจะเป็นกุญแจเพื่อเข้าไปยังอาณาจักรบนท้องฟ้า ? " หนึ่งในพวกเขาสันนิษฐาน
" ตูม ! " เวลานี้หลายคนกลายเป็นตกตะลึง เมื่อมีประตูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาเหนือทะเลสาป
ตัวอักษรจำนวนมากปรากฏอยู่ในกุญแจที่หลี่ฉีเย่ถืออยู่ เขาทันใดนั้นก็กอดฉิวหรงว่านเสวี่ยและตะโกน " ไป ! "
เมื่อคำนั้นถูกกล่าวออกมา ประตูเต๋าก็ได้ดูดพวกเขาทั้งสองเข้าไป
หลายคนที่มองอยู่กลายเป็นตกตะลึง บางคนนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการวิ่งไปยังประตูหลังจากที่หลี่ฉีเย่ได้เข้าไปแล้วเพื่อหวังว่าจะไปยังอาณาจักรบนท้องฟ้า ทว่าเขาก็ถูกส่งปลิวออกมาและไม่สามารถเข้าไปได้
เมื่อพวกเขาเริ่มที่จะเข้ามาใกล้ ประตูเต๋าก็ถูกดูดลงไปในทะเลสาปและหายไป
" น่าเสียดายอะไรเช่นนี้ ! " ทุกคนนั้นกระทืบเท้าของพวกเขาด้วยความเสียใจ พวกเขาทั้งหมดได้พลาดโอกาสที่หายากในชีวิต
" บางทีอาณาจักรบนท้องฟ้าอาจจะเป็นสถานที่ที่มีภูเขาสมบัติ..." บางคนพึมพำ
หลายคนรุ้สึกว่าเรื่องนี้มีเหตุผล ข่าวลือกล่าวว่าภูเขาสมบัตินั้นไม่เคยปรากฏออกมาหลายยุค ดังนั้นพวกเขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉาเมื่อเห็นหลี่ฉีเย่เข้าไป
* * *
เมื่อฉิวหรงว่านเสวี่ยฟื้นคืนสติของนาง นางก็รู้ได้ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่อื่น ที่นี่นางรู้สึกว่าร่างกายของนางนั้นเบาโหวง มันรู้สึกราวกับนางกำลังลอยขึ้นไป
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปรอบๆและพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ท่ามกลางอาณาจักรโบราณ ทุกสิ่งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ สถานที่แห่งนี้ใหญ่และมีวิหารจำนวนมาก วิหารเหล่านี้นั้นมีขนาดใหญ่โต..บางวิหารกระทั้งใหญ่กว่าเมือง
ในเวลานี้ หลี่ฉีเย่และฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นยืนอยู่หน้าพื้นที่ของวิหารโบราณ พื้นที่นี่้มีขนาดใหญ่มากและมันทำให้พวกเขาเป็นราวกับมดหรือไม่ก็ฝุ่นละออง
วิหารโบราณนี้มีขนาดใหญ่โตไปถึงจุดที่ว่าไม่สามารถมองเห็นมันทั้งหมดได้ มันเหมือนกับว่าวิหารนี้เป็นเมืองขนาใหญ่
หลี่ฉีเย่นำฉิวหรงว่านเสวี่ยเดินไปทางวิหารขนาดใหญ่ พวกเขานั้นเดินเป็นเวลานานก่อนจะเข้ามากใกล้ ที่นี่ฉิวหรงว่านเสวี่ยสังเกตได้ว่ามีรูปแบบขนาดใหญ่ด้านหน้าวิหารโบราณ
กล่าวให้ถูกต้อง มันเป็นที่ทำพิธีขนาดใหญ่สมบัติมากมายถูกวางไว้ด้านบนของที่นี่แห่งนี้ หลังจากมองอย่างระวัง นางก็ตระหนกได้ว่ามีสมบัติไม่น้อยที่ดูคุ้นเคยมาก นางนั้นเคยเห็นพวกมันที่งานประมูลเคาะโลงศพมาก่อน พวกมันเป็นสมบัติที่คนอื่นนำมาแลกเปลี่ยนกับภูติปีศาจ
นั้นถูกต้อง ภูติปีศาจนั้นนั่งทำสมาธิอยู่บนแท่นทำพิธีราวกับกำลังอยู่ในภวังค์
สมบัติทั้งหมดนั้นถูกฝังไว้รอบแท่นทำพิธีพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นแห่งชีวิตก่อนจะเข้าไปยังร่างของภูติปีศาจ
หลังจากยิ่งเปลวไฟออกไปแสงของสมบัติเหล่านี้ได้จางลงราวกับมันสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ไป
จากนั้นนางก็เข้าได้ใจว่าเขาแลกเปลี่ยนและสมบัติจากสุสานใหญ่เพื่อใช้พวกมัน นางกระซิบกับหลี่ฉีเย่ที่ด้านข้าง " ภูติปีศาจพยามจะทำอะไร ? "
หลี่ฉีเย่ชี้ไปที่วิหารขนาดใหญ่ด้านหน้าก่อนจะเอ่ย " เขาต้องการจะเปิดประตูของสถานที่แห่งนี้ เขานั้นใช้เวลาจำนวนมากเพื่อสะสมสมบัติในสุสานใหญ่ เพื่อที่จะดูดซับอำนาจที่ซ่อนอยู่ภายในของพวกมัน มีเพียงอำนาจศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเท่านั้นถึงเพียงพอจะเชื่อมต่อกับอีกฝังของประตูได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยจ้องไปยังวิหารโบราณและเห็นถึงประตูขนาดยักษ์ มันใหญ่ยิ่งกว่าประตูเมือง ! มันไม่ได้ปิดอยู่ แต่มันเหมือนมีกำแพงกั้นทางไว้ ราวกับเป็นเส้นทางที่ถูกผนึก
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นี่นางตกตะลึง นางนั้นสังเกตผ่านแสงกันและเห็นถึงภายในวิหารโบราณ นี้ทำให้นางตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ภายในวิหารโบราณนั้นเป็นท้องฟ้าไร้ที่สิ้นสุดและเต็มไปด้วยดวงดารา อีกแง่หนึ่งมันคือโลกขนาดใหญ่อีกโลก
นี้คือโลกที่พังทลาย ดวงดาราร่วงหล่นและท้องฟ้าถูกทำลาย มันเป็นโลกที่ตายแล้วและไม่มีแสงใดกวาดผ่าน เต๋าทั้งหมดถูกทำลาย มันดูเหมือนถูกอะไรบางอย่างฉีกเป็นชิ้นๆ
ปรากฏการด้านหน้านั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด ฝนศพนับไม่ถ้วนตกลงมาจากอากาศ มันมีทุกสิ่งมีชีวิต มีซากของสัตว์ขนาดยักษ์ ศพของมนุษย์ กล่าวได้ว่าเศษซากของร่างกายสิ่งมีชีวิตกำลังหล่นมาจากฟ้า - เป็นฉากทีน่ากลัวอย่างมาก
ในท้องฟ้านั้นมีประตูขนาดใหญ่ - แหล่งมีของศพ มันดูเหมือนว่าอำนาจที่ต้องการจะฉีกโลกนี้มาจากประตู
ฉิวหรงว่านเสวี่ยเห็นเงายืนอยู่บนประตูเหนือท้อฟ้า มันดูเหมือนว่าเงานี้พยามจะหยุดพลังงานที่จะฉีกโลก และพยามจะผนึกมัน
หนึ่งไม่สามารถมองเห็นเงานี้ได้อย่างชัดเจนราวกับมันเต็มไปด้วยความคลุมเครือ ทำให้มันดูคล้ายกับภาพลวงตา
" นั้นมัน...อะไร ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถามขณะที่ความหนาวเย็นแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ภายในวิหารนั้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและเวลาไร้สิ้นสุด อำนาจและซากศพที่ราวกับห่าฝนตกลงมันสร้างเป็นฉากที่น่ากลัว มันให้ความรู้แห่งลางร้าย
หลี่ฉีเย่ยังคงยืนอย่างสงบก่อนจะส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ " หายนะ , คำสาป , การลงโทษจากสวรรค์ ! "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยมองไปที่เงาที่กำลังพยามผนึกประตูและเอ่ย " นั้น...เป็นเพียงภาพลวงตา ? "
หลี่ฉีเย่มองไปที่เงาและเขาไม่ได้เอ่ยตอบ
ผ่านไปนาน ฉิวหรงว่านเสวี่ยเปลี่ยนสายตาไปมองยังภูติปีศาจที่กำลังดูดซับสมบัติ ตอนนี้เขาได้ดูซับอำนาจของสมบัติทุกชิ้นแล้ว
" ภูติปีศาจมาที่นี่ได้อย่างไร ? " ฉิวหรงว่านเสวี่ยเอ่ยถาม " หรือเขาก็มีกุญแจหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ? "
" ไม่ " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวของเขาและเอ่ย " ภูติปีศาจนั้นต่างจากคนอื่น ตราบใดที่เขาทำตามเงื่อนไขเขาจะเข้ามาภายในได้ ทว่าภูติปีศาจแน่นนอว่าไม่สามารถเข้าวิหารโบราณได้ "
ฉิวหรงว่านเสวี่ยนั้นไม่รู้ว่ามันเป็นเงื่อนไขแบบใด แต่นางจำได้ว่าหลี่ฉีเย่เคยกล่าวตอนที่ทะเลราตรีเปลี่ยนเป็นใส่กระจ่าง , การปรากฏของทะเลสีทอง , และการต่อสุ้ระหว่างปลาหยางราตรีและเหล่าผู้ดูแล
" ตูม ! " ร่างกายของภูติปีศาจนั้นกลายเป็นสว่างราวกับดวงอาทิตย์ ความใส่ส่างนี้ไปถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถมองเขาได้ สมบัติที่ถูกดูดซับล้วนแตกกระจาย
เมื่อแสงที่เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขาไปถึงขีดสุด มันทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นอักษรโบราณที่ราวกับจะปิดอำนาจของยอดเต๋าได้
" จงเปิด ! " ภูติปีศาจคำราม เวลานี้เขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอมตะราวกับเทพสงครมที่สยบเก้าชั้นฟ้า กลิ่นอายให้ความรู้สึกราวกับจักรพรรดิอมตะมาด้วยตัวเอง
กลิ่นอายนี้ไม่ได้มุ่งมาที่พวกเขาแต่ฉิวหรงว่านเสวี่ยยังไม่สามารถต้านท้านได้และเกือบจะทรุดลงไปที่พื้นดเิน หลี่ฉีเย่เอือมมือออกไปและประคองนางจากด้านหลัง มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้ที่มาปรากฏอยู่ด้านหน้าเขา แต่มันก็ไม่สามารถตต้านทานกลิ่นอายอมตะนี้ได้...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น