ตอนที่ 478 จากไป
หลี่ฉีเย่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นและกำลังจะจากไป เขาไม่รู้ว่าจะมีการพบกันครั้งต่อไปหลังจากการอำลานี้หรือไม่
" หยุดก่อน ! " เจ้าตำหนักเอ่ยถึงขึ้นเมื่อหลี่ฉีเย่กำลังเดินไปถึงประตู " กลับมานี่ ! "
เท้าข้างหนึ่งของเขานั้นก้าวออกประตูไปแล้ว แต่เขาเลือกที่จะดึงเท้าข้างนั้นกลับเข้ามา ก่อนจะหันหลังกลับจ้องมองเจ้าตำหนักที่อยู่บนเก้าอี้
เจ้าตำหนักยังคงนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด แม้แต่อารมณ์และความคิดของเขาก็ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
" เจ้าจะจากไปเช่นนี้เลย ? " เจ้าตำหนักเอ่ยอย่างเย็นชา
หลี่ฉีเย่ถอนหายใจเบาๆและเอ่ย " ข้ารู้ว่าข้าเป็นหนี้เจ้า แต่ข้าไม่สามารถใช้มันตอนนี้ได้ "
" ข้าไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น " เจ้าตำหนักเอ่ย
" เอาละ เช่นนั้นเจ้าต้องการจะพูดถึงเรื่องใด ? ข้าล้างหูรอฟังอยู่ " หลี่ฉีเย่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ยอมแพ้
" ฮึ่ม !! " เจ้าตำหนักนั้นไม่มีความสุขเกี่ยวกับการแสดงออกของหลี่ฉีเย่ยามนี้
หลี่ฉีเย่เพียงยิ้มและไม่เอ่ยสิ่งใด เขานั้นมีความอดทนอย่างมากและกำลังรอเจ้าตำหนักเอ่ย
" เจ้าจะประกาศสงครามจริงๆ ? " หลังจากผ่านไปนานเจ้าตำหนักก็เอ่ย " เจ้าต้องทำสิ่งนี้จริงๆ ? สถานการณ์เช่นนี้กินเวลามากว่าล้านปีแล้ว ! "
" ข้ารู้ " หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ย " แต่ตอนนี้มันเป็นโอกาส ทำไมข้าจะไม่เริ่มสงคราม ? ข้านั้นไม่เคยเกรงกลัว อย่างที่เจ้ากล่าวเรื่องนี้กินเวลามานานเกินไปและถึงเวลาที่จะจบ "
หลี่ฉีเย่ยิ้มอย่างสบายๆ " แม้ว่าข้าจะไม่จบมันด้วยมือของข้า ข้าก็ยังต้องการเป็นคนเริ่ม "
" อย่าได้ลืมว่าเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ นี้เป็นเรื่องของเผ่าพันธ์ผีและไม่มีอะไรที่เจ้าสามารถทำได้ หากมันจะจบมันต้องคงจบไปแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรให้มนุษย์เช่นเจ้าเข้าไปแทรกแซง ! "
" ข้ารู้ " หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " เจ้ายังเป็นผีใช่ไหม ? สำหรับข้าไม่ว่าปัญหานี้จะเป็นของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าพันธ์ผีนั้นไม่สำคัญ ข้าต้องการหาคำตอบยและก้าวสู่ยุคใหม่ มันได้เวลาเปลี่ยโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้ว "
" แม้ว่าโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะก้าวสู่ยุคใหม่ นั้นก็เป็นเรื่องที่เผ่าพันธ์ผีควรจะทำเอง ! " เจ้าตำหนักเอ่ย " มันไม่ต้องการให้คนนอกเช่นเจ้ามากังวล ข้าจะเป็นคนทำมันเองไม่ใช่เจ้า ! "
" ข้ารู้ " หลี่ฉีเย่เอ่ยตอบ " วันนั้นแน่นอนว่าจะต้องมาถึง ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเผ่าพันธ์ผีจะถูกเปลี่ยนด้วยมือของเจ้า " เขามองไปยังเจ้าตำหนักก่อนจะเอ่ย " ทว่าก่อนที่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะเปลี่ยนและยุคใหม่จะมาถึง อนุญาติให้ข้าเป็นทัพหน้าในการเปิดม่านสงครามครั้งนี้เถอะ ให้ข้าได้กวาดผ่านอุปสรรคที่มีทั้งหมดที่กำลังปิดกั้นยุคใหม่อยู่ ! "
" เจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้จะได้รับการอภัยจากข้า ? " เจ้าตำหนักเอ่ย
หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ยตอบ " ไม่ ข้าเพียงต้องการหาความลึกลับ จากเวลานานมาแล้ว ข้าเพียงต้องการหาสิ่งที่โลกซ่อนเอาไว้ "
" ฮึ่ม ! เจ้าโง่นี้เป็นการฆ่าตัวตาย ! " เจ้าตำหนักอีกครั้งเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
หลี่ฉีเย่ไม่ได้โกธรและทำเพียงยิ้ม " คนจำนวนมากก็บอกข้าเช่นนั้น และมีหลายคนสาปแช่งข้าให้ตกตายตั้งแต่ล้านปีก่อนจะถึงตอนนี้ ทว่าน่าเสียดายที่ข้าทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องผิดหวังเพราะข้ายังมีชีวิตอยู่อย่างสบาย "
" อย่าได้ลืมว่าเจ้าไม่ได้เป็นเช่นในอดีต ไม่ได้เป็นตัวตนอมตะ " เจ้าตำหนักเอ่ย " ก่อนหน้านี้เจ้าไม่มีทางตายไม่ว่าเจ้าจะเจออันตรายขนาดใด แต่ตอนนี้เพียงการก้าวพลาดครั้งเดียว เจ้าจะได้กลับสู่ความว่างเปล่า "
" เจ้ากล่าวถูกต้อง " หลี่ฉีเย่พยักหน้าเอ่ย " ข้าไม่ได้เป็นอีกาทมิฬอมตะอีกต่อไป แต่ข้าได้เริ่มวางแผนมาก่อนหน้านี้ ข้าได้เตรียมพร้อมทุกอย่างสำหรับสงครามครั้งนี้แล้ว "
เจ้าตำหนักนั้นเงียบฟังราวกับเขาถูกแช่แข็ง
หลี่ฉีเย่ยืนอย่างเงียบๆและมองไปยังเจ้าตำหนักก่อนจะถอนหายใจและเอ่ย " ข้าได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ข้าจะสู้ ข้าได้รอสงครามนี้มาเป็นเวลานานและข้ามั่นใจว่าข้าจะรอดชีวิตกลับมาได้ ! "
" หากเจ้ามีตัวตนอย่างเช่นจักรพรรดิอมตะเฉียนหลี่ที่ไปพร้อมกับเจ้าในอดีต เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลิกสวรรค์หรือปฐพีได้ ทว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำอย่างนั้นได้ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของเจ้ารึ ? " สุดท้ายเจ้าตำหนักก็ถามอย่างเย็นชา
หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ยอย่างสบายๆ " แม้ว่าข้าจะไม่ได้มีตัวตนอย่างจักรพรรดิอมตะปกป้องข้า นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีวิธีต่อต้านพวกมัน ไม่ใช่เจ้าบอกว่าสิ่งนั้นเป็นตัวทำลาคุณธรรมของข้าหรอกรึ ? ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของเวลา มีอะไรบ้างที่ข้าทำไม่ได้ ? "
" หากเจ้าต้องการจะไปตาย เช่นนั้นข้าก็จะไม่ขว้างเจ้าอีกต่อไป ! " สุดท้ายเจ้าตำหนักก็เอ่ย
หลี่ฉีเย่เอ่ยจริงจัง " ไม่ต้องห่วง รอจนข้ารอดชีวิตกลับมา ข้าจะฉีกชั้นฟ้าและสะบั้นสถานที่ที่น่ากลัวออกเป็นชิ้นๆ ! สิ่งนั้นแน่นอนว่าจะต้องปรากฏออกมา ! "
เจ้าตำหนักเอ่ยอย่างเย็นชาหลังจากเงียบเป็นเวลานาน " หวังเจียงฟู่สามารถไปได้ "
คำกล่าวนี้ทำให้หลี่ฉีเย่ตกตะลึงอย่างมาก เขานั้นไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าตำหนักจะเห็นด้วย
เจ้าตำหนักประกาศอย่างเย็นชา " จำไว้ให้ดี นี้เป็นเจ้าร้องขอความเมตตาให้หวังเจียงหู่ เป็นเจ้าที่เป็นหนี้สุสานใหญ่ ไม่ใช่หวังเจียงฟู่ ! อย่าได้คิดที่จะตาย ! ในเมื่อเจ้าเป็นหนี้สุสานใหญ่เจ้าจจะต้องมีชีวิตกลับมา ไม่เช่นนั้นแม้ว่าเจ้าจะตายและกลายเป็นวิญญาณ เจ้าก็ยังจ้องจ่ายหนี ! สุสานใหญ่ไม่ทางปล่อยเจ้าไป ! "
หลี่ฉีเย่อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม " อย่างเป็นห่วงเลย มันไม่ง่ายนักที่จะฆ่าข้า หนี้ของข้าที่มีต่อสุสานใหญ่ข้าจะต้องจ่ายมันแน่ "
" ไสหัวไป อย่าทำให้เวลาอันมีค่าของข้าเสียเปล่า " เจ้าตำหนักเอ่ยอย่างเย็นชา จากนั้นก็ปิดตาของเขาและเข้าสู่สถานะหลับลึก
หลี่ฉีเย่ถอนหายใจเบาๆและจากไป
* * *
ขณะที่หลี่ฉีเย่เข้าไปยังตำหนักบุปผาบรรพชน ที่สุสานใหญ่มีข่าลือกระจายไปราวกับน้ำเดือด
มันเป็นข่าวที่ว่ากุญแจของหลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นอยู่ในมือของหลี่ฉีเย่กระจายไปทั่วสุสานใหญ่ เหล่าขุมอำนาจและนิกายที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นตื่นตระหนกหลังจากได้ยินข่าวนี้ พวกเขารีบสืบค้นกันอย่างรวดเร็ว
" บางคนได้รับกุญแจของหลุมฝังศพแห่งลางร้ายไปแล้ว ! " หลายคนตื่นเต้นหลังจากได้ยินข่าวนี้
บางคนนั้นไม่ได้สามารถนอนหลับได้เมื่อคิดว่าหลุมฝังศพกำลังจะถูกเปิด " หลังจากผ่านมาหลายยุค สุดท้ายก็มีคนพบมัน หลุมฝังศพจะเปิดในอีกไม่ช้า ! "
ทุกคนรู้ว่าการเปิดหลุมฝังศพนั้นเป็นเหมือนการเปิดขุมสมบัติขนาดใหญ่ แม้ว่าสุสานใหญ่จะเป็นดินแดนในตำนานที่อุดมไปด้วยสมบัติ และคนจำนวนมากมาเพื่อหามัน หลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นต่างออกไป สัญญาณการเปิดของมันหมายถึงการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่อันตราย การเก็ยเกี่ยวก็ยังคุ้มค่ากับอันตรายนั้น
" เป็นเจ้าเด็กมนุษย์นั้นที่มีกุญแจ " ผู้นำนิกายบางคนอดคิดไม่ได้ถึงการขโมนกุญแจจากหลี่ฉีเย่
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เห็นความโหดเหี้ยมของหลี่ฉีเย่รีบเอ่ยเตือนผู้นำของพวกเขา " เจ้าสารเลวนี้ไม่ง่ายที่จะจัดการ เขานั้นฆ่ากลุ่มของอัจฉริยะอย่าง นายน้อยกระดูกทองคำ , เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ , หลวงจีนผี และนายน้อยร้อยพรรคอย่างง่ายดาย เจ้าสารเลวนี้ไม่ได้อ่อนแอกว่าลูกหลานของเชื้อสายจักรพรรดิ "
" อะไรนะ ! เขากล้าที่จะฆ่าแม้แต่เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ ? เขาเหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้ว ? " หลังจากได้ยินข่าวนี้ทุกคนล้วนตกตะลึง ร่วมถึงเหล่าผู้นำนิกายและองค์รักษ์เทพสวรรค์
การฆ่าเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องดี ทุกคนรู้ว่าเขานั้นเป็นน้องเขยของตี๋เชา นี้จะให้พี่สาวของเขา เจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์ปล่อยไปได้อย่างไร ? ตี๋เชาแน่นอนว่าจะต้องอยู่ฝั่งคู่หมั้น และการต่อต้านตี๋เชาก็เหมือนการท้าทายบัลลังก์หมื่นกระดูก
ทั้งนิกายและผู้ฝึกตนล้วนระวังบัลลังก์หมื่นกระดูกอย่างมาก มันไม่ใช่เพียงนิกายที่มีสามจักรพรรดิอมตะ ผู้ก่อตั้งของพวกเขาจักรพรรดิอมตะหว่านกู่เป็นจักรพรรดิอมตะคนแรกของเผ่าพันธ์ผี ตัวตนอมตะที่กวาดผ่านยุค อาจจะกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของบัลลังก์หมื่นกระดูกนั้นเหนือจินตนาการ บางทีกระทั้งตำหนักบุปผาบรรพชนก็ยังต้องระวังพวกเขา
มีขุมอำนาจจำนวนไม่มากนักที่กล้าจะเป็นศัตรูกับบัลลังก์หมื่นกระดูกในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ !
ผู้ฝึกตนที่เป็นสักขีพยานในการต่อสุ้ครั้งนั้นรีบเอ่ย " เจ้ามนุษย์สารเลวนี้ไม่เพียงแต่กล้าฆ่าเจ้าชาย เขากระทั้งกล้าท้าทายตี๋เชาโดยไม่แสดงความเคารพใดๆ ! "
" เจ้าเด็กน้อยนี้ช่างหยิ่งยโส ! บางทีเขายังคงไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร " องค์รักษ์เทพสวรรค์จากยุคก่อนเอ่ย " ต่อต้านตี๋เชานั้นเป็นการฆ่าตัวตาย มีเพียงสองวีรบุรุษอย่างเทียนหุยหลี่และฉานหยางเท่านั้นที่เทียบกับตี๋เช้าได้ "
" ข้าหวังว่าตี๋เชาจะไม่ได้มาเร็วนัก ไม่เช่นนั้นพวกเราจะไม่มีโอกาสในการคว้าสมบัติในหลุมฝังศพแห่งลางร้ายแล้ว " บางคนเผยความตั้งใจของเขาออกมา...
หลี่ฉีเย่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นและกำลังจะจากไป เขาไม่รู้ว่าจะมีการพบกันครั้งต่อไปหลังจากการอำลานี้หรือไม่
" หยุดก่อน ! " เจ้าตำหนักเอ่ยถึงขึ้นเมื่อหลี่ฉีเย่กำลังเดินไปถึงประตู " กลับมานี่ ! "
เท้าข้างหนึ่งของเขานั้นก้าวออกประตูไปแล้ว แต่เขาเลือกที่จะดึงเท้าข้างนั้นกลับเข้ามา ก่อนจะหันหลังกลับจ้องมองเจ้าตำหนักที่อยู่บนเก้าอี้
เจ้าตำหนักยังคงนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด แม้แต่อารมณ์และความคิดของเขาก็ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
" เจ้าจะจากไปเช่นนี้เลย ? " เจ้าตำหนักเอ่ยอย่างเย็นชา
หลี่ฉีเย่ถอนหายใจเบาๆและเอ่ย " ข้ารู้ว่าข้าเป็นหนี้เจ้า แต่ข้าไม่สามารถใช้มันตอนนี้ได้ "
" ข้าไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น " เจ้าตำหนักเอ่ย
" เอาละ เช่นนั้นเจ้าต้องการจะพูดถึงเรื่องใด ? ข้าล้างหูรอฟังอยู่ " หลี่ฉีเย่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ยอมแพ้
" ฮึ่ม !! " เจ้าตำหนักนั้นไม่มีความสุขเกี่ยวกับการแสดงออกของหลี่ฉีเย่ยามนี้
หลี่ฉีเย่เพียงยิ้มและไม่เอ่ยสิ่งใด เขานั้นมีความอดทนอย่างมากและกำลังรอเจ้าตำหนักเอ่ย
" เจ้าจะประกาศสงครามจริงๆ ? " หลังจากผ่านไปนานเจ้าตำหนักก็เอ่ย " เจ้าต้องทำสิ่งนี้จริงๆ ? สถานการณ์เช่นนี้กินเวลามากว่าล้านปีแล้ว ! "
" ข้ารู้ " หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ย " แต่ตอนนี้มันเป็นโอกาส ทำไมข้าจะไม่เริ่มสงคราม ? ข้านั้นไม่เคยเกรงกลัว อย่างที่เจ้ากล่าวเรื่องนี้กินเวลามานานเกินไปและถึงเวลาที่จะจบ "
หลี่ฉีเย่ยิ้มอย่างสบายๆ " แม้ว่าข้าจะไม่จบมันด้วยมือของข้า ข้าก็ยังต้องการเป็นคนเริ่ม "
" อย่าได้ลืมว่าเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ นี้เป็นเรื่องของเผ่าพันธ์ผีและไม่มีอะไรที่เจ้าสามารถทำได้ หากมันจะจบมันต้องคงจบไปแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรให้มนุษย์เช่นเจ้าเข้าไปแทรกแซง ! "
" ข้ารู้ " หลี่ฉีเย่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม " เจ้ายังเป็นผีใช่ไหม ? สำหรับข้าไม่ว่าปัญหานี้จะเป็นของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าพันธ์ผีนั้นไม่สำคัญ ข้าต้องการหาคำตอบยและก้าวสู่ยุคใหม่ มันได้เวลาเปลี่ยโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์สู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้ว "
" แม้ว่าโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะก้าวสู่ยุคใหม่ นั้นก็เป็นเรื่องที่เผ่าพันธ์ผีควรจะทำเอง ! " เจ้าตำหนักเอ่ย " มันไม่ต้องการให้คนนอกเช่นเจ้ามากังวล ข้าจะเป็นคนทำมันเองไม่ใช่เจ้า ! "
" ข้ารู้ " หลี่ฉีเย่เอ่ยตอบ " วันนั้นแน่นอนว่าจะต้องมาถึง ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเผ่าพันธ์ผีจะถูกเปลี่ยนด้วยมือของเจ้า " เขามองไปยังเจ้าตำหนักก่อนจะเอ่ย " ทว่าก่อนที่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะเปลี่ยนและยุคใหม่จะมาถึง อนุญาติให้ข้าเป็นทัพหน้าในการเปิดม่านสงครามครั้งนี้เถอะ ให้ข้าได้กวาดผ่านอุปสรรคที่มีทั้งหมดที่กำลังปิดกั้นยุคใหม่อยู่ ! "
" เจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้จะได้รับการอภัยจากข้า ? " เจ้าตำหนักเอ่ย
หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ยตอบ " ไม่ ข้าเพียงต้องการหาความลึกลับ จากเวลานานมาแล้ว ข้าเพียงต้องการหาสิ่งที่โลกซ่อนเอาไว้ "
" ฮึ่ม ! เจ้าโง่นี้เป็นการฆ่าตัวตาย ! " เจ้าตำหนักอีกครั้งเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
หลี่ฉีเย่ไม่ได้โกธรและทำเพียงยิ้ม " คนจำนวนมากก็บอกข้าเช่นนั้น และมีหลายคนสาปแช่งข้าให้ตกตายตั้งแต่ล้านปีก่อนจะถึงตอนนี้ ทว่าน่าเสียดายที่ข้าทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องผิดหวังเพราะข้ายังมีชีวิตอยู่อย่างสบาย "
" อย่าได้ลืมว่าเจ้าไม่ได้เป็นเช่นในอดีต ไม่ได้เป็นตัวตนอมตะ " เจ้าตำหนักเอ่ย " ก่อนหน้านี้เจ้าไม่มีทางตายไม่ว่าเจ้าจะเจออันตรายขนาดใด แต่ตอนนี้เพียงการก้าวพลาดครั้งเดียว เจ้าจะได้กลับสู่ความว่างเปล่า "
" เจ้ากล่าวถูกต้อง " หลี่ฉีเย่พยักหน้าเอ่ย " ข้าไม่ได้เป็นอีกาทมิฬอมตะอีกต่อไป แต่ข้าได้เริ่มวางแผนมาก่อนหน้านี้ ข้าได้เตรียมพร้อมทุกอย่างสำหรับสงครามครั้งนี้แล้ว "
เจ้าตำหนักนั้นเงียบฟังราวกับเขาถูกแช่แข็ง
หลี่ฉีเย่ยืนอย่างเงียบๆและมองไปยังเจ้าตำหนักก่อนจะถอนหายใจและเอ่ย " ข้าได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ข้าจะสู้ ข้าได้รอสงครามนี้มาเป็นเวลานานและข้ามั่นใจว่าข้าจะรอดชีวิตกลับมาได้ ! "
" หากเจ้ามีตัวตนอย่างเช่นจักรพรรดิอมตะเฉียนหลี่ที่ไปพร้อมกับเจ้าในอดีต เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลิกสวรรค์หรือปฐพีได้ ทว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำอย่างนั้นได้ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของเจ้ารึ ? " สุดท้ายเจ้าตำหนักก็ถามอย่างเย็นชา
หลี่ฉีเย่หัวเราะและเอ่ยอย่างสบายๆ " แม้ว่าข้าจะไม่ได้มีตัวตนอย่างจักรพรรดิอมตะปกป้องข้า นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีวิธีต่อต้านพวกมัน ไม่ใช่เจ้าบอกว่าสิ่งนั้นเป็นตัวทำลาคุณธรรมของข้าหรอกรึ ? ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของเวลา มีอะไรบ้างที่ข้าทำไม่ได้ ? "
" หากเจ้าต้องการจะไปตาย เช่นนั้นข้าก็จะไม่ขว้างเจ้าอีกต่อไป ! " สุดท้ายเจ้าตำหนักก็เอ่ย
หลี่ฉีเย่เอ่ยจริงจัง " ไม่ต้องห่วง รอจนข้ารอดชีวิตกลับมา ข้าจะฉีกชั้นฟ้าและสะบั้นสถานที่ที่น่ากลัวออกเป็นชิ้นๆ ! สิ่งนั้นแน่นอนว่าจะต้องปรากฏออกมา ! "
เจ้าตำหนักเอ่ยอย่างเย็นชาหลังจากเงียบเป็นเวลานาน " หวังเจียงฟู่สามารถไปได้ "
คำกล่าวนี้ทำให้หลี่ฉีเย่ตกตะลึงอย่างมาก เขานั้นไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าตำหนักจะเห็นด้วย
เจ้าตำหนักประกาศอย่างเย็นชา " จำไว้ให้ดี นี้เป็นเจ้าร้องขอความเมตตาให้หวังเจียงหู่ เป็นเจ้าที่เป็นหนี้สุสานใหญ่ ไม่ใช่หวังเจียงฟู่ ! อย่าได้คิดที่จะตาย ! ในเมื่อเจ้าเป็นหนี้สุสานใหญ่เจ้าจจะต้องมีชีวิตกลับมา ไม่เช่นนั้นแม้ว่าเจ้าจะตายและกลายเป็นวิญญาณ เจ้าก็ยังจ้องจ่ายหนี ! สุสานใหญ่ไม่ทางปล่อยเจ้าไป ! "
หลี่ฉีเย่อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม " อย่างเป็นห่วงเลย มันไม่ง่ายนักที่จะฆ่าข้า หนี้ของข้าที่มีต่อสุสานใหญ่ข้าจะต้องจ่ายมันแน่ "
" ไสหัวไป อย่าทำให้เวลาอันมีค่าของข้าเสียเปล่า " เจ้าตำหนักเอ่ยอย่างเย็นชา จากนั้นก็ปิดตาของเขาและเข้าสู่สถานะหลับลึก
หลี่ฉีเย่ถอนหายใจเบาๆและจากไป
* * *
ขณะที่หลี่ฉีเย่เข้าไปยังตำหนักบุปผาบรรพชน ที่สุสานใหญ่มีข่าลือกระจายไปราวกับน้ำเดือด
มันเป็นข่าวที่ว่ากุญแจของหลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นอยู่ในมือของหลี่ฉีเย่กระจายไปทั่วสุสานใหญ่ เหล่าขุมอำนาจและนิกายที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นตื่นตระหนกหลังจากได้ยินข่าวนี้ พวกเขารีบสืบค้นกันอย่างรวดเร็ว
" บางคนได้รับกุญแจของหลุมฝังศพแห่งลางร้ายไปแล้ว ! " หลายคนตื่นเต้นหลังจากได้ยินข่าวนี้
บางคนนั้นไม่ได้สามารถนอนหลับได้เมื่อคิดว่าหลุมฝังศพกำลังจะถูกเปิด " หลังจากผ่านมาหลายยุค สุดท้ายก็มีคนพบมัน หลุมฝังศพจะเปิดในอีกไม่ช้า ! "
ทุกคนรู้ว่าการเปิดหลุมฝังศพนั้นเป็นเหมือนการเปิดขุมสมบัติขนาดใหญ่ แม้ว่าสุสานใหญ่จะเป็นดินแดนในตำนานที่อุดมไปด้วยสมบัติ และคนจำนวนมากมาเพื่อหามัน หลุมฝังศพแห่งลางร้ายนั้นต่างออกไป สัญญาณการเปิดของมันหมายถึงการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่ที่อันตราย การเก็ยเกี่ยวก็ยังคุ้มค่ากับอันตรายนั้น
" เป็นเจ้าเด็กมนุษย์นั้นที่มีกุญแจ " ผู้นำนิกายบางคนอดคิดไม่ได้ถึงการขโมนกุญแจจากหลี่ฉีเย่
ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เห็นความโหดเหี้ยมของหลี่ฉีเย่รีบเอ่ยเตือนผู้นำของพวกเขา " เจ้าสารเลวนี้ไม่ง่ายที่จะจัดการ เขานั้นฆ่ากลุ่มของอัจฉริยะอย่าง นายน้อยกระดูกทองคำ , เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ , หลวงจีนผี และนายน้อยร้อยพรรคอย่างง่ายดาย เจ้าสารเลวนี้ไม่ได้อ่อนแอกว่าลูกหลานของเชื้อสายจักรพรรดิ "
" อะไรนะ ! เขากล้าที่จะฆ่าแม้แต่เจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ ? เขาเหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้ว ? " หลังจากได้ยินข่าวนี้ทุกคนล้วนตกตะลึง ร่วมถึงเหล่าผู้นำนิกายและองค์รักษ์เทพสวรรค์
การฆ่าเจ้าชายประกายศักดิ์สิทธิ์ในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องดี ทุกคนรู้ว่าเขานั้นเป็นน้องเขยของตี๋เชา นี้จะให้พี่สาวของเขา เจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์ปล่อยไปได้อย่างไร ? ตี๋เชาแน่นอนว่าจะต้องอยู่ฝั่งคู่หมั้น และการต่อต้านตี๋เชาก็เหมือนการท้าทายบัลลังก์หมื่นกระดูก
ทั้งนิกายและผู้ฝึกตนล้วนระวังบัลลังก์หมื่นกระดูกอย่างมาก มันไม่ใช่เพียงนิกายที่มีสามจักรพรรดิอมตะ ผู้ก่อตั้งของพวกเขาจักรพรรดิอมตะหว่านกู่เป็นจักรพรรดิอมตะคนแรกของเผ่าพันธ์ผี ตัวตนอมตะที่กวาดผ่านยุค อาจจะกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของบัลลังก์หมื่นกระดูกนั้นเหนือจินตนาการ บางทีกระทั้งตำหนักบุปผาบรรพชนก็ยังต้องระวังพวกเขา
มีขุมอำนาจจำนวนไม่มากนักที่กล้าจะเป็นศัตรูกับบัลลังก์หมื่นกระดูกในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ !
ผู้ฝึกตนที่เป็นสักขีพยานในการต่อสุ้ครั้งนั้นรีบเอ่ย " เจ้ามนุษย์สารเลวนี้ไม่เพียงแต่กล้าฆ่าเจ้าชาย เขากระทั้งกล้าท้าทายตี๋เชาโดยไม่แสดงความเคารพใดๆ ! "
" เจ้าเด็กน้อยนี้ช่างหยิ่งยโส ! บางทีเขายังคงไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร " องค์รักษ์เทพสวรรค์จากยุคก่อนเอ่ย " ต่อต้านตี๋เชานั้นเป็นการฆ่าตัวตาย มีเพียงสองวีรบุรุษอย่างเทียนหุยหลี่และฉานหยางเท่านั้นที่เทียบกับตี๋เช้าได้ "
" ข้าหวังว่าตี๋เชาจะไม่ได้มาเร็วนัก ไม่เช่นนั้นพวกเราจะไม่มีโอกาสในการคว้าสมบัติในหลุมฝังศพแห่งลางร้ายแล้ว " บางคนเผยความตั้งใจของเขาออกมา...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น