ตอนที่ 479 ภัยพิบัติที่ใกล้เข้ามา

ความจริงแล้วมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเห็นกุญแจที่หลี่ฉีเย่ถือ มันเป็นสิ่งล่อตาล่อใจอย่างมาก มีข่าวลือว่าคนที่ถือกุญแจมีโอกาสสูงมากในการที่จะได้รับทักษะอมตะที่จะสร้างชีวิตนิรันดร์ในตำนาน



ในอดีต จักรพรรดิอมตะตี๋หยู่มีกุญแจ นี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้รับการสร้างใหม่ที่ยิ่งใหญ่ได้ในหลุมฝังศพ



" เพียงแค่รอ หากเจ้าเด็กมนุษย์นั้นออกไปจากสุสานใหญ่ เขาก็ไม่สามารถเข้าหลุมฝังศพได้ " บางคนเอ่ย " เมื่อตี๋เชามาเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน "



* * *



หลังจากหลี่ฉีเย่ออกจากตำหนักบุปผาบรรพชน หวังเจียงฟู่ก็รีบมาพบเขาในทันที



หลี่ฉีเย่เอ่ย " เจ้าตำหนักอนุญาติให้เจ้าออกเดินทางได้ เจ้ามีแผนจะจากไปเมื่อใด ? "



หวังเจียงฟู่เกาใบหน้าของเขาอย่างลังเล " เอ่อ...นายท่านคิดว่าข้าควรจะจากไปเมื่อไหร่ ? "



หลี่ฉีเย่ลูบคางของเขาอย่างครุนคิดก่อนจะมองไปยังหวังเจียงฟู่และเอ่ย " เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าตายมาหลายครั้งแล้ว ? "



หวังเจียงฟู่หัวเราะและเอ่ย " นายท่าน ข้าไม่แน่ใจจำนวนของมัน แต่แรงกระตุ้นให้ข้าออกจากสุสานใหญ่มีความแข็งแกร่งมาก "



" เช่นนั้นก็ไม่ต้องรีบ พยามนึกถึงหนึ่งหรือสองสิ่ง หากได้รับโอกาสเช่นนั้นก็ตายอีกสักครั้ง หากเจ้าประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นเจ้าก็สามารถจากไปโดยไม่ตายได้ ถ้าเจ้าฝืนเดินทางก่อนจะได้รับการเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นเจ้าจะไม่สามารถอยู่ได้นาน มันจะทำให้ความพยามของข้าเสียเปล่า เข้าใจหรือไม่ ? "



หวังเจียงฟู่มอบกราบลงกับพื้นดินและเอ่ยอย่างสุดซึ้ง " ข้าไม่มีทางลืมความเมตตาของนายท่านในครั้งนี้ หลังจากออกจากสุสานใหญ่ไปในอนาคต ข้าจะติดตามเป็นข้ารับใช้และทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง "



" ไม่จำเป็น " หลี่ฉีเย่ส่ายหัวและเอ่ย " เจ้าควรจะขอบคุณสุสานใหญ่ไม่ใช่ข้า เหตุผลที่เจ้าสถานมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้เพราะสุสานใหญ่ สถานที่แห่งนี้เลี้ยงเจ้าขึ้นมา นอกจากนี้มันไม่ใช่ข้าที่ตัดสินใจ แต่เป็นเจ้าตำหนักที่ตัดสินใจและให้โอกาสเจ้าในการสร้างปาฏิหาริย์ " หลี่ฉีเย่เอ่ยอย่างเคร่งขรึม " จำไว้ว่าไม่ว่าในอนาคตเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือได้รับสิ่งใดมา วันนี้เจ้าต้องสัญญากับข้าสามเรื่อง หนึ่งอย่าได้ทำสิ่งใดที่ต่อต้านสุสานใหญ่ สองอย่าได้เป็นศัตรูกับสุสานใหญ่ สามเจ้าต้องช่วยสุสานใหญ่หากมันกำลังเผชิญกับปัญหา สุสานใหญ่ให้กำเนิดเจ้าและเลี้ยงดูเจ้ามา มันเป็นถิ่นกำเนิดเจ้า เข้าใจหรือไม่ ? "



" นายท่านโปรดวางใจได้ ข้าน้อยผู้นี้จะทำตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้อย่างแน่นอน ! " หวังเจียงฟู่เอ่ยสาบาน



" ดีมาาก " หลี่ฉีเย่พยักหน้าเอ่ย " ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสร้างปาฏิหาริย์ได้ในอนาคต การที่เจ้าสามารถอยู่ในสุสานใหญ่มาได้หลายยุคหลายสมัยก็เป็นปาฏิหาริย์ที่เพียงพอแล้ว มันจะทำให้เจ้าได้รับการสร้างใหม่ "



หวัวงเจียงหู่หมอบกราบอยู่บนพื้นดินและไม่สามารถระงับความตื่นเต้นไว้ได้ เขาสุดท้ายก็ได้เติมเต็มความปราถนาของเขา เขาไม่รู้ว่าวตัวเองทำไมถึงต้องการออกจากสุสานใหญ่ แต่แรงกระตุ้นนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เขาจำได้ เขาอยากจะออกจากสุสานใหญ่ ออกไปดูโลกภายนอก !



สำหรับเหล่าความรู้สึกการจะออกไปจากสุสานใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สุสานใหญ่เป็นเหมือนรากของพวกเขา สวรรค์ของพวกเขา ไม่มีกลุ่มความรู้สึกต้องการจะออกจากที่นี่มาก่อน แต่หวังเจียงฟู่นั้นต่างออกไป นานมาแล้วเขาได้รับการสร้างใหม่เหมือนกับจักรพรรดิอมตะหมิงตู่ แต่เขานั้นต่างจากจักรพรรดิ



หลี่ฉีเย่มองไปยังตำหนักบุผาบรรพชนก่อนจะถอนหายใจอย่างเงียบๆ มันถึงเวลาที่เขาต้องไปแล้ว



หลี่ฉีเย่ออกจากตำหนักบุปผาบรรพชนไปพบฉิวหรงว่านเสวี่ย แต่เขาก็ต้องประหลาดใจที่ไม่เห็นนางอยู่ที่เดิม



" นายท่านกำลังมองหานายหญิง ? " หวังเจียงฟู่เอ่ย " เมื่อข้ามาถึง นางนั้นรีบออกจากสุสานใหญ่อย่างรวดเร็ว "



หลี่ฉีเย่ทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นฉิวหรงว่านเสวี่ยไม่มีทางจากไปเช่นนี้ มีเพียงเหตุผลเดียวที่นางจากไปอย่างรวดเร็ว นั้นคือบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับเผ่าเงาหิมะ



* * *



" ตูม ! " คลื่นของระเบิดกระจายไปทั่วชั้นฟ้าก่อนที่แผ่นดินจะถูกเขย่า มีกองทัพขนาดใหญ่บินอยู่เหนือชั้นฟ้าทำให้ผู้ฝึกตนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก



กองทัพนี้ประกอบไปด้วยนักรบเกราะทอง สัตว์อสูร และเรือศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นอายของพวกเขามันเต็มไปด้วยความหน้าเกรงขามยามกวาดผ่าน



เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์และผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงจากรุ่นเก่าต่างหลีกทางให้กับกองทัพ มันเคลื่อนไหวไปโดยไม่แยแสสิ่ง ทุกคนต้องหลีกทางให้พวกมัน



คนจำนวนมากลายเป็นไร้ความสุข แต่พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนการแสดงออกของพวกเขาหลังจากเห็นตราสัญลักษ์ของฟินิกซ์ขนาดใหญ่ แม้แต่ผู้ฝึกตนที่หยิ่งยโสก็ยังต้องถอยหลังหลายก้าวหลังจากเห็นตรานี้



นี้เป็นกองทัพที่งดงามและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพกลิ่นอายของพวกเขาอบอวนไปด้วยพลังงานในสายเลือดจำนวนมาก ทหารม้าทั้งหมดเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ครองงำร่างกายของพวกเขา ทั้งหมดสวมชุดเกราะราวกับเป็นกองทัพสวรรค์



มีรถม้าฟินิกซ์ปรากฏอยู่ตรงกลาง รถม้านั้นถูกสร้างจากโลหะหายากและมีประกายไฟพร้อมกับกลิ่นอายอมตะ



สตรีที่นั่งอยู่บนรถม้าสวมใส่เสื้อคลุมฟินิกซ์ ดวงตาสีน้ำตาลของปลดปล่อยกลิ่นอายราวกับเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์สิทธิ์ ความงามของนางบดบังแม้แต่ดอกไม้และดวงจันทร์ ทำให้นกและปลาก็ไม่กล้าแม้แต่จะปรากฏตัวต่อหน้านาง สตรีที่นั่งตัวตรงอยู่บนรถม้าให้บรรยากาศราวกับเป็นราชินีของโลก



ไม่เพียงแต่นางจะงดงาม แต่ยังมีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากออกมาจากร่างกาย พวกมันส่งประกายและคำรามราวกับมังกร



หลายคนตกตะลึงเมื่อมองผู้หญิงคนนี้จากระยะไกล ผู้นำนิกายที่ค้างแรมอยู่ด้านนอกสุสานใหญ่แล้วเปลี่ยนการแสดงออกเมื่อนางปรากฏตัว



บางคนเอ่ยกระซิบ " เจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์ ! "



เจ้าหญิงฟีนิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์ - อัจฉริยะที่มีชื่อเสียง ผู้เยาว์ที่ได้ยินชื่อนี้เต็มไปด้วยความกลัว แม้แต่คนรุ่นก่อนก็ยังไม่พ้นจากชะตากรรมเดียวกัน



ประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ในดินแดนเมฆเหิน ประเทศระดับหนึ่ง ทว่ามันยังอ่อนแอกว่าเชื้อสายจักรพรรดิ



แต่มันมันกลายเป็นอาณาจักรที่ทรงอำนาจตั้งแต่ให้กำเนิดลูกสาวที่ยอดเยี่ยมอย่างเจ้าหญิงฟินิกซ์ขึ้นมา เมื่ออายุยังเยาว์นางได้หมั้นกับตี๋เชาจากนิกายบัลลังก์หมื่นกระดูก จากนั้นประเทศประกายศักดิ์สิทธิ์ก็ยกระดับขึ้น หลังจากเจ้าหญิงฟินิกซ์มีผู้หนุนหลัง !



เจ้าหญิงประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นมีเชื่อเสียงอย่างมากในดินแดนเมฆเหิน บางคนกล่าวว่านางเป็นคนที่งดงามมากที่สุดในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์



แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นการประจบตี๋เชา แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเจ้าหญิงประกายศักดิ์สิทธิ์มีความงดงาม ทว่าเพียงความงามอย่างเดียวไม่เพียงพอจะเป็นคู่หมั้นของตี๋เชา



มีข่าวลือว่าช่วงเวลาที่นางเกิด มีฟินิกซ์หยินมาเป็นสหายกับนาง นี้ถือเป็นความมหัศจรรย์และทำให้หลายคนเชื่อว่านี้คือความรักจากสวรรค์ที่มอบให้



และแน่นอนนางไม่ได้ทำให้หลายคนผิดหวัง นางนั้นเป็นถึงระดับองค์รักษ์เทพสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย และถูกเรียกว่าองค์รุ่นเยาว์ในดินแเดนเมฆเหิน



หลายคนเชื่อว่าความสามารถของนางเทียบเท่ากับหลานอวิ๋นจูจากนิกายพันแม่น้ำหวน หลานอวิ๋นจูนั้นมีพรสวรรค์คู่เซียน นางจึงน่าตกตะลึงอย่างมาก การมีระดับเดียวกับหลานอวิ๋นจูได้ทำให้คุณค่าของเจ้าหญิงประกายศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น



นางนั้นเป็นสตรีที่นางตื่นตกใจ นางนั้นได้เปลี่ยนแปลงประเทศจากมือของบิดานางสู่กฏของนาง นางได้ฝึกฝนศิษย์จำนวนมากและพวกเขาเข้าสู่เส้นทางของเชื้่อสายจักรพรรดิ



" หรือเจ้าหญิงฟินิกซ์กำลังไปหาท่านตี๋เชา ? หรือนี้จะหมายความว่าตี๋เชานั้นกำราบกิเลนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ? " หลายคนอ้าปากค้างเมื่อนางมาถึง



ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเอ่ย " ไม่ใช่ ท่านตี๋เชานั้นยังกำราบกิเลนไม่ได้ แต่เจ้าหญิงฟินิกซ์มาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้กับน้องชายนาง "



" เจ้าสารเลวมนุษย์ที่ชื่อหลี่ฉีเย่ ? " หลังจากได้ยินเรื่องนี้หลายคนก็มองหน้ากัน ทว่านี้เป็นเรื่องมีเหตุผลเพราะเจ้าชายเป็นน้องในสายเลือดของนาง



มนุษย์ไร้ชื่อคนหนึ่งฆ่าน้องชายนาง ไม่มีทางที่นางจะเก็บความพอใจนี้ไว้ได้



นางนั้นไม่ได้มุ่งไปยังสุสานใหญ่หรือหลุมฝังศพแห่งลางร้าย กลับกันนางมุ่งไปยังเผ่าเงาหิมะ



เผ่าเงาหิมนะนั้นเป็นเผ่าเล็กๆ อยู่ห่างจากหลุมฝังศพแห่งลางร้ายไปอีกหลายพันไมล์



" ตูม ! " กองทัพนั้นเดินทางอย่างรวดเร็วและทำให้โลกสั่นสะเทือน ช่วงเวลาที่ทั้งหมดมาถึงทำให้ทั้งเผ่าตกอยู่ในความหวาดกลัว



ผู้อาวุโสของเผ่าสังเกตหันกองทัพก่อนจะอุทาน " เจ้าหญิงฟินิกซ์ประกายศักดิ์สิทธิ์ ! " ช่วงเวลานี้ทั้งเผ่ากลายเป็นตื่นตระหนกก่อนที่ผู้อาวุโสจะเอ่ย " ไป ไปแจ้งหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโสชิเร็วเข้า ! "



กองทัพทั้งหมดนั้นปิดล้อมเผ่าเงาหิมะด้วยสมบูรณ์ เจ้าหญิงฟินิกซ์นั่งอยู่บนรถม้าเหนือชั้นฟ้า บังคบให้คนอื่นต้องแหงนหน้ามอง



นางนั้นมองไปยังเผ่าเบื้องล่างอย่างเย็นชา สายตาของนางพวกมันเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง กำจัดพวกมันออกจากโลกเป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ



" สมาชิกเผ่าเงาหิมะจงฟัง จากนี้ไปไม่มีใครได้รับอนุญาติให้ก้าวไปไหน ไม่เช่นนั้นมันคนนั้นจะถูกฆ่าอย่างไรเมตตา ! " นางเอ่ยอย่างเผด็จการ นี้ทำให้สมาชิกทั้งหมดของเผ่าใบหน้าซีดขาว...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้