ตอนที่ 500 การมาถึงของตี๋เชา

" กิเลนเพลิงโลหิต ! " หลายคนสั่นไหวหลังจากเห็นกิเลนตัวนี้



กิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง มันเป็นลูกหลานที่มีสายเลือดของกิเลนไหลผ่านในตัวมัน ถึงอย่างนั้นภาพของกิเลนเพลิงโลหิตที่ยืนอยู่เหนือชั้นฟ้าก็ยังทำให้ทุกคนหวาดกลัว



กลิ่นอายของมันทำให้องค์รักษ์เทพสวรรค์ยังต้องสั่นสะเทือน กลิ่นอายครอบงำของมันไม่เพียงแต่เป็นกลิ่นอายแต่มันถูกขับออกมาจากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมัน



นี้เป็นสัตว์มงคลที่เคยปรากฏตัวออกมาเพียงครั้งเดียวเมื่อสามหมื่นปีก่อน มักนปรากฏตัวหลายครั้งในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ และทำรังไว้ในแต่ละสถานที่



หลายคนต้องการเลือดศักดิ์สิทธิ์ของมันจึงทำให้พวกเขาไล่ล่ามัน แต่ไม่มีใครทำสำเร็จแม้แต่ราชันเทพสวรรค์ก็ยังต้องถอย สุดท้ายบรรพชนบางคนต้องออกมาจัดการและกิเลนก็แทบจะสูญพันธ์



ต่อมาได้มีตำนวนกระจายไปทั่วโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ มันกล่าวว่ากิเลนเพลิงโลหิตเป็นลูกหลานของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมีเพียงจักพรรดิอมตะในอนาคตเท่านั้นที่จะทำให้มันเชื่องได้ และมีเพียงจักรพรรดิอมตะเท่านั้นที่จะทำให้กิเลนเพลิงโลหิตเป็นสัตว์ขี่ !



" ดูนั้น ! นั้นมันท่านตี๋เชา ! " คนที่มีสายตาดีมองเห็นคนที่อยู่ด้านหลังมันและอุทาน



ทุกคนล้วนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่บนหลังของกิเลน เขานั้นนั่งหลงตรงพร้อมกับฉากด้านหลังเป็นท้องฟ้าทำให้เวลาหยุดนิ่ง



ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้หล่อเหลามากนัก แต่เขามีดวงตาที่เหมือนจะสามารถมองเห็นได้ทุกสิ่ง ด้วยเสื้อคลุมสีดำของเขาทำให้เขาราวกับจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ กลิ่นอายทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวเขาทั้งสิ้น



สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือประตูสีทองที่ปรากฏด้านหลังชายหนุมชุดสีดำ ประตูสีทองนี้เป็นเหมือนประตูศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นทางไปสู่สวรรค์ มันปล่อยกลิ่นอายแห่งนิรันดร์และห้อมล้อมตี๋เชา



ตี๋เชา - ลูกหลานของบัลลังก์หมื่นกระดูก ตำนานของโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ ความภาคภุมิใจของเผ่าพันธ์ผี หนึ่งในสามวีรบุรุษที่มีศักดิ์ศรียิ่งใหญ่กว่าเทียนหุยหลี่และฉานหยาง



แม้ว่าทั้งสามวีรบุรุษจะมีพื้นหลังที่ยอดเยี่ยม ตี๋เชานั้นต่างจากฉานหยางและเทียนหุยหลี่ มันปฏิเสธไม่ได้ว่าความสามารถของฉานหยางและเทียนหุยหลี่นั้นไม่ได้ด้อยกว่าตี๋เชา แต่พวกเขาได้เกิดมาพร้อมกับช้อนทองและมีชะตากรรมที่พิเศษ เทียนหุยหลี่นั้นคาดว่าเป็นการกลับมาเกิดของจักรพรรดิอมตะ ฉานหยางถูกเลือกโดยดินแดนบรรพชนตั้งแต่ยังเยาว์



ชะตากรรมของทั้งสองถูกตัดสินให้ไปสู่จุดสูงสุดซึ่งทำให้โลกตกตะลึง



ทว่าความสำเร็จของตี๋เชาส่วนใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง มันอาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการมาจากบัลลังก์หมื่นกระดูกนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ตี๋เชาไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดา เขานั้นต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันอย่างรุ่นแรงในรุ่นเยาว์ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ใช้ความสามารถและทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์คุณค่าและกลายเป็นลูกหลานของบัลลังก์



ตี๋เชานั้นท้าทายขีดจำกัดของเขาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้โลหิตสร้างชื่อเสียง



เมื่ออายุสิบขวบเขาเอาชนะชะตาลี้ลับได้ เมื่อายุสิบห้าเขาได้เหยียบย่ำเซียนบรรพกาลไว้ใต้ฝ่าเท้า และเมื่อเขาอายุสิบแปด เขาได้ใช้พลังทั้งหมดในการทำลายประเทศและอาบพวกมันด้วยโลหิต บันทึกการต่อสู้ของตี๋เชาเป็นเรื่องน่าภูมิใจไม่ว่าจะยุคไหน



ขณะที่เที่ยนหุยหลี่และฉานหยางถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายอ่อนนุ่มตั้งแต่เกิด ตี๋เชาผ่านการต่อสู้กระหายเลือดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงได้รับแรงกดดันที่มากและผ่านความลำบากมามากกว่าสองคน ผลของมันก็คือการทำให้ทั้งโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์เรียกเขาว่าท่านตี๋เชา



" ประตูของจักรพรรดิในตำนาน ! ข้าได้ยินว่าจักรพรรดิอมตะว่านกู่ตอนที่ยังเยาว์เขาได้มาถึงระดับนี้ และเขาก็มีประตูปรากฏเช่นนี้ นี้เป็นสัญลักษ์ของการกลายเป็นผู้รู้แจ้งของสุดยอดเต๋า " กลุ่มคนผู้ด้วยอารมณ์หลังจากเห็นประตูสีทองด้านหลังตี๋เชา



จักรพรรดิอมตะว่านกู่นั้นเป็นผู้ก่อตั้งของบัลลังก์หมื่นกระดูก จักรพรรดิอมตะคนแรกของเผ่าพันธ์ผี เขามาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเขาได้เรียนรู้สุดยอดเต๋าเขาก็มีประตูสีทองปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง และเพราะสิ่งนี้ประตูสีทองจุดเป็นตัวแทนของสุดยอดเต๋าและผู้ที่จะขึ้นถึงจุดสูงสุดในอนาคต บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะ !



การมาเยือนของตี๋เชาทำให้ฝูงชนเกิดความสับสนวุ่นวายอย่างมาก แม้แต่กระทั้งเทียนหุยหลี่ที่อยู่บนทวีปยอดยุคก็ยังยืนขึ้น



การมาถึงของเขาทำให้ลูกหลานของเชื้อสายจักรพรรดิอย่างยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยวและยอดเซียนผีแมลงนั้นนั่งไม่ติด



" ตี๋เชา ! " หัวใจของพวกเขาจมลงหลังจากเห็นตี๋เชาจากระยะไกล



ทั้งสองนั้นเป็นลูกหลานของเชื้อสายจักรพรรดิและเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาใช้เลือดและหยาดเหงื่อจำนวนมากกว่าจะได้เป็นเป็นลูกหลานเชื้อสายจักรพรรดิ อาจจะกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะได้รับความพ่ายแพ้ใดๆ และชอบให้คนอื่นนอบน้อมกับพวกเขา



ดังนั้นพวกเขาจึงหดหู่ใจที่ได้เห็นตี๋เชา เพราะทั้งสองรู้ถึงช่องหว่างระหว่างพวกเขากับตี๋เชา แม้แต่อัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ก็ยังต้องอายเมื่ออยู่ต่อหน้าตี๋เชา



ในความจริง การโค้งคำนับตี๋เชานั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์ สำหรับอัจฉริยะจำนวนมากพวกเขาล้วนก็ทำเช่นนี้



เทียนหุยหลี่ที่ยืนอยู่บนทวีปยอดยุคมองมายังตี๋เชาจากระยะไกลด้วยสายตาล้ำลึก เทีนยหุยหลี่เป็นคนที่ห้อมล้อมไปด้วยความลึกลับและดวงตาของเขานั้นน่ากลัวมาก ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หากอยู่ภายในดวงตาสีดำคู่นี้จะกลายเป็นสดใส มันเหมือนว่ามีจักรวาลอยู่ในดวงตาของเขา



การแสดงออกของเขาเริ่มรุนแรงขึ้นหลังจากเห็นตี๋เชา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในสามวีรบุรุษและเป็นคู่แข่งของตี๋เชา



วีรบุรุษทั้งสามนั้นพวกเขาไม่ได้ไม่เป็นมิตรและไม่เคยมีใครได้ยินพวกเขาต่อสู้กันมาก่อน ความจริงมีข่าวลือว่าทั้งสามเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน



ทว่าทุคนรู้ดีว่าเส้นทางแห่งเจตจำนงแห่งสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับมัน วันหนึ่งวีรบุรุษทั้งสามจะต้องต่อสู้กัน นี้เป็นเหตุให้ทั้งสามคิดว่าอีกสองคนล้วนเป็นคู่แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งของพวกเขา !



แม้แต่สมาชิกจากรุ่นก่อนก็ยังพึมพำหลังจากเห็นตี๋เชากำราบกิเลนได้ " ท่านตี๋เชาทำให้กิเลนเพลิงโลหิตเชื่องได้แล้ว ! "



กิเลนเช่นนี้นั้นเคยปรากฏในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์หลายครั้งเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่มีใครเคยจับมันได้มาก่อน ดังนั้นผู้จะไม่ตกตะลึงได้อย่างที่เห็นตี๋เชานั่งบนหลังมัน ?



เหล่าผู้นำนิกายและขุนนางทั้งหลายต่างส่งเสียงยกย่อง " ท่านตี๋เชาสมกับเป็นจักรพรรดิอมตะรุนเยาว์ ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงสามารถทำเช่นนี้ได้ นอกจากนี้กิเลนยังมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์มันรู้ที่จะเลือกเจ้านายของมัน "



" ตูม ! " ด้วยการระเบิดที่ทรงพลัง กิเลนเคลื่อนไหวผ่านชั้นฟ้าและไปปรากฏอยู่หน้าค่ายของนิกายพันแม่น้ำหวน กลิ่นอายที่ก้าวร้าวของมันทำให้ผู้อาวุโสต่างตื่นตระหนกและออกไปดู



แม้ว่านิกายนั้นจะมีจักรพรรดิอมตะเพียงคนเดียว เชื้อสายของจักรพรรดิอมตะฉินหลี่ก็ยังแข็งแกร่งที่สุดในยุตนี้ ดังนั้นตำแหน่งของพวกเขาจึงแข็งแกร่งมาในโลกใต้พิภพศักดิ์สิทธิ์



ทว่าตี๋เชากับขี่กิเลนและมายืนอยู่เหนือพื้นที่ของพวกเขาในวันนี้ นี้เป็นวิธีที่ก้าวร้าวและไม่ให้เกียรติขนาดไหนกัน ?



การกระทำนี้ทำให้เผ่าพันธ์ผีด้านนอกมองหน้ากันและกัน พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น



ผู้ฝึกตนบางคนกระซิบ " สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว " ฝูงชนกระตือรือร้นและผู้ฝึกตนเผ่าพันธ์ผีวิ่งไปเพื่อชมความสนุก



ทุกคนรู้ว่าหลี่ฉีเย่ได้ฆ่าเผ่าพันธ์ผีนับหมื่นเมื่อหลายวันก่อนและทำให้เจ้าหญิงฟินิกซ์ต้องล่าถอยไป



การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เผ่าพันธ์ผีล้วนไม่พอใจเพราะมันคือการตบหน้าพวกเขา ก่อนหน้านี้เผ่าพันธ์ผีได้ดูถูกมนุษย์เสมอ ชายแดนใต้นั้นเป็นโลกของเผ่าพันธ์ผี และผีหลายคนประกาศจะฆ่าหลี่ฉีเย่ ผลของมันคือพวกเขาทั้งหมดถูกหลี่ฉีเย่สังหาร นี้จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร ?



หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าท้าทายหลี่ฉีเย่อีก แม้แต่ลูกหลานเชื้อสายจักรพรรดิอย่างยอดเซียนเล็บจันทร์เสี้ยวและยอดเซียนผีแมลงก็ยังหุบปากเงียบ



ทุกคนเข้าใจดีว่าหลี่ฉีเย่อยู่ระดับเดียวกับสามวีรบุรุษ ดังนั้นคนที่กล้าท้าทายเขาผลลัพธ์ของมันคือความตาย



ตอนนี้ตี๋เชากำลังขี่กิเลนยืนอยู่เหนือนิกายพันแม่น้ำหวน จุดประสงค์ของเขานั้นชัดเจน เผ่าพันธ์ผีในที่สุดก็เห็นโอกาสฟื้นความภาคภูมิใจของพวกเขา พวกเขารอดูตี๋เชาฆ่าหลี่ฉีเย่



ตี๋เชานั้นมองลงมายังนิกายพันแม่น้ำหวนและประกาศ " หลี่ฉีเย่อยู่ที่ไหน ? " การท้าทายเหนือชั้นฟ้าเช่นนี้ทำให้นิกายพันแม่น้ำหวนไม่ชอบใจอย่างมาก



" สหายเต๋าตี๋เชาไม่ทราบว่ามีธุระอะไร ? " เต๋าเบ่ากุ้ยยังเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มแม้จะเจอแรงกดดันของตี๋เชา



เสียงของตี๋เชานั้นดังออกมาทั้วเก้าชั้นฟ้าราวกับเขาเป็นเทพและเอ่ย " ไปบอกหลี่ฉีเย่ให้ออกมาสู้ หนึ่งการต่อสู้เป็นตายเพื่อตัดสินผู้ชนะ ! "



การต่อสู้เป็นตาย ! คำพูดของตี๋เชาได้กระจายออกไปและทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าลึก การประลองเช่นนี้เป้นการตัดสินความไม่พอใจระหว่างผู้ฝึกตน เป็นการต่อสุ้หนึ่งต่อหนึ่ง ผู้แพ้จะทำได้เพียงตำหนิความอ่อนแอของพวกเขา



ไม่มีนิกายใดจะแก้แค้นได้หากใช้การต่อสู้เป็นตาย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกลายเป็นตัวตลกสำหรับคนที่เหลือทั้งโลก...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้