ตอนที่ 504 เมฆโลหิต
ทว่ามันไม่ได้มีสุสานหรือแม้กระทั้งโลงศพที่ถูกฝั่งอยู่ใต้ดินแต่อย่างไร มันไม่มีอะไรเหมือนในจินตนาการของพวกเขา และมีเพียงความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
" นี้...นี้คือหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ? " บางคนเอ่ยถามด้วยความผิดหวังขณะยืนอยู่ด้านหน้าความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
" นี้คือทั้งหมดของพวกมัน ? " อีกคนอดไม่ได้ที่จะบ่น
" บางที่นี้อาจจะเป็นเพียงทางเข้าและยังมีสถานที่อื่นๆอยู่ในนี้อีก " ผู้นำนิกายจากนิกายทรงอำนาจเอ่ย " มา พวกเราไปตสำรวจมันกัน " จากนั้นเขาก็นำเรือบินออกมาาและบินเข้าสู่ความว่างเปล่า
ทว่าเรื่องที่น่ากลัวก็ได้เกิดขึ้น ขณะที่เรือบินลอยออกไปในอากาศมันดูเหมือนจะสูญเสียพลังและตกลงหุบเหวลึกด้านล่าง
" อ้ากกก ! " เสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านล่าง เรือนี้แบกผู้เชียวชาญมากกว่าร้อยคนดังนั้นการจกอย่างฉับพลันทำให้ทุกคนตกตะลึง ปฏิกิริยาของผู้เชียวชาญทุกคนคือการบินออกจากเรือ
ทว่าผลของมันก็ยังเหมือนเดิม พวกเขานั้นไม่สามารถบินได้ ในสถานที่แห่งนี้ผู้ฝึกตนทั้งหมดถูกผนึกความสามารถในการบิน ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ทักษะหรือสมบัติใดๆ เมื่อกระโดดขึ้นไปบนอากาศพวกเขาจะตกลงไปด้านล่าง
ผู้ฝึกตนหลายคนหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจขณะได้ยินเสียงร้องที่สยดสยองที่ดังไปทั่วอากาศ ทุกคนได้เห็นผู้เชียวชาญเหล่านี้ตกลงไปยังเหวด้านล่าง มันเป็นเหวไร้ที่สิ้นสุดและนำไปสู่ปลายทางที่ไม่รู้จัก
หลังจากเห็นฉากนี้ทุกคนกลายเป็นตกตะลึง บางคนตะโกน " นี้...มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! " มันมีบางผู้ฝึกตนและนิกายที่ต้องการจะบิน แต่พวกเขาก็ระงับมันในทันทีและสั่นอย่างเงียบๆ
ขุนนางจากประเทศทรงอำนาจ หน้าซีดและตะโกนด้วยความไม่เต็มใจ " เป็นไปไม่ได้ ! แม้แต่องค์รักษ์เทพสวรรค์ก็ยังไม่สามารถบินได้ ! "
ควรจะรู้ไว้ว่ายิ่งระดับสูงขึ้นผู้ฝึกตนสามารถบินได้สูงหรือทะยานข้ามเครื่องบินได้ - นี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าจู่ๆผู้ฝึกตนไม่สามารถบินได้ นี้จะเป็นปัญหาขนาดใหญ่สำหรับทุกคน
" นี้เป็นเขตแห่งความว่างเปล่า แม้แต่บรรพชนเที่ยงธรรมก็ยังตกลงและพินาศหากจะบิน " ภายในภูเขาบรรพชนเสียงโบราณดังออกมา
ผู้คนสั่นสะท้านหลังจากได้ยินเสียงนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเขตแห่งความว่างเปล่าคืออะไร แต่กระทั้งบรรพชนเที่ยงธรรมก็ยังไม่สามารถหนีจากความตายได้ เช่นนั้นพวกเขาก็เข้าใจความน่ากลัวของเขตแห่งความว่างเปล่าแล้ว
" นั้น...ตรงนั้นมันคืออะไร ? " บางคนสังเกตเห็นและชี้ไปยังสิ่งที่อยู่ห่างไกลและถามอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินคำถถามนี้ทุกคนจ้องไปยังขอบฟ้าและสังเกตเห็นกลุ่มเมฆสีแดงขนาดยักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามา เมฆสีแดงเหล่านี้นั้นเหมือนเลือด มันอาจจะกล่าวได้ว่ามันเกิดมาจากเลือด พวกมันสร้างเป็นแม่น้ำโลหิตลวงตาจากระยะไกล
พริบตา เมฆโลหิตเหล่านั้นก็มาถึงหน้าผา เมื่อเมฆเหล่านั้นแตะที่หน้าผาหินมันทันใดนั้นก็กระดอนไปทางอื่น เมฆโลหิตก้อนอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน
" สิ่งเหล่านี้คือเมฆศพโลหิตในตำนาน " เสียงที่โบราณดังออกมาจากต้นไม้ล้ำค่า ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนพูด
เมื่อกลุ่มของเมฆสีแดงลอยมาถึงหน้าผา ต้นไม้ล้ำค่าทันใดนั้นก็ลอยขึ้นไปบนเมฆ เมฆเหล่านี้คอยๆปลดปล่อยหนวดโลหิตนับไม่ถ้วนเพื่อเจาะกินต้นไม้เหล่านี้ แต่ไฟอมตะจากต้นไม้สาดลงมาหยุดหนวดโลหิตพวกนี้
ภายใต้การจ้องมองที่ตื่นตระหนกของทุกคน ต้นไม้ล้ำค่าได้ขี่เมฆโลหิตเหล่านี้จากไปไกล - ไปยังสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก
หลังจากเห็นเขาทำสำเร็จทุกคนก็ตระหนักได้ทันที " พวกเราต้องขี่เมฆเหล่านี้ไป ! "
ในเวลานี้ฝูงของผู้ฝึกตนได้กระโดดขึ้นไปยังเมฆโลหิตที่อยู่ใกล้ๆ เมฆโลหิตจู่ๆก็สั่นไหวก่อนจะปลดปล่อยหมอกพร้อมกับหนวดโลหิตไปยังผู้ฝึกตน ผู้ฝึกตนทันใดนั้นก็ถูกขังไว้ภายในทันที
" อ้ากก ! " ผู้ฝึกตนทันใดนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นหมอกเลือดโดยไม่เหลือกระดูกไว้ในทันที
หลังจากเห็นฉากนี้ เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือต่างตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย เมฆโลหิตเหล่านี้ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง
" ตูม ! " ภูเขาบรรพชนลอยขึ้นไปขี่ยังเมฆโลหิตและกวาดผ่านอันตรายจากก้อนเมฆเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว
ถัดมาเป็นไปตามที่เหมาะสม ยอดยุคอาณาจักรโบราณ , ปรมจารย์หยินหยาง , ดินแดนเล็บจันทร์เสี้ยวศักดิ์สิทธิ์...เหล่าขุมอำนาจล้วนกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆและปิดกั้นอันตรายจากเมฆได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเห็นนิกายทรงอำนาจประสบความสำเร็จ เหล่าขุมอำนาจขนาดเล็กก็ไม่ต้องการจะอ่อยอิ่งอยู่นาน พวกเขากระโดดขึ้นไปบนเมฆทันที
" พวกเราไป ! " บางนิกายและผู้ฝึกตนประสบความสำเร็จจากการใช้สมบัติหรือทักษะเอาชีวิตรอดจากหมอกโลหิต ทว่าคนที่ล้มเหลวทำได้เพียงกรีดร้องและกลายเป็นไอเลือด
" พวกเราจะต้องร่วมมือกัน " ทันใดนั้นกลุ่มเล็กๆหลายกลุ่มก็ได้หันมาร่วมมือกันและขึ้นไปขี่เมฆโลหิต
หลี่ฉีเย่เป็นคนเปิดหลุมฝังศพแต่เขาไม่ได้รีบร้อนและทำเพียงหัวเราะเมื่อเห็นเหล่าคนที่กำลังขี่เมฆออกไป
" ผู้นำนิกาย ท่านนำทุกคนไปยังกลุ่มเมฆก้อนนั้น " หลี่ฉีเย่บอกกับเต๋าเบ่ากุ้ย
" แล้วพวกเจ้า ? " เต๋าเบ่ากุ้ยเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่าหลี่ฉีเย่นั้นมีเหตุผลที่เลือกก้อนนั้นให้กับพวกเขา
หลี่ฉีเย่เอ่ย " อวิ๋นจูและผู้ทำนายเต๋าสวรรค์จะไปกับข้า " แม้ว่าเขาจะเอ่ย แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เมฆโลหิตและนับมันอย่างเงียบๆ
หลังจากเห็นการตัดสินใจของหลี่ฉีเย่ เต๋าเบ่ากุ้ยตะโกนก่อนจะเรียกปลาขนาดมหึมาออกมาและแบกผู้อาวุโสทั้งกลุ่มไป ปลาขนาดใหญ่นี้สามารถทำลายอันตรายของเมฆโลหิตได้อย่างง่ายดายและพาพวกเขาออกไปไกล
นิกายอื่นๆและผู้ฝึกตน ไม่มีใครกล้าที่จะแย่งก้อนเมฆก้อนนั้นกับนิกายพันแม่น้ำหวน
หลังจากเห็นผู้อาวุโสของนิกายพันแม่น้ำออกไปไกลแล้ว หลานอวิ๋นจูเอ่ยถาม " พวกเราจะไปเลยหรือไม่ ? "
" ยังไม่ต้อง " หลี่ฉีเย่ยังคงจ้องไปยังก้อนเมฆและคำนวนในใจ
ไม่นานหลังจากผู้ฝึกตนเหลือน้อยลงเรื่อยๆ หลายนิกายและผู้ฝึกตนประสบความสำเร็จในการขี่เมฆเหล่านี้ออกไป บรรดานิกายที่อ่อนแอก็สามารถขี่เมฆออกไปได้จากการร่วมมือกันและกลายเป็นมีความสุข ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าไปในสุสานและวิธิการเป็นิรันดร์ก็รอพวกเขาอยู่
ขณะที่ฝูงชนเริ่มลดลง หลี่ฉีเย่สุดท้ายก็เลือกกลุ่มของก้อนเมฆหลังจากที่รอมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นก้อนเมฆเข้ามาใกล้ๆ หลี่ฉีเย่บอกกับผู้ทำนายเต๋าและหลานอวิ๋นจู อย่างจริงจัง " เตรียมตัวให้พร้อม พวกเจ้าทั้งสองต้องหยุดหมอกโลหิตและฟังคำสั่งของข้า "
ผู้ทำนายเต๋าสวรรค์และหลานอวิ๋นจูไม่รู้ความลึกลับภายในเมฆเหล่านี้ แต่พวกเขาทั้งสองก็สูดลมหายใจลึกและไม่กล้าที่จะประมาทขณะที่จ้องมองพวกมัน
เมื่อเมฆขยับเข้ามาใกล้ หลี่ฉีเย่ดึงทั้งสองและตะโกน " กระโดด ! " เขาจากนั้นก็ลากทั้งสองไปยังเมฆโลหิต
ช่วงเวลาที่พวกเขากระโดดขึ้นเมฆโลหิต หมกอโลหิตและหนวดโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ผู้ทำนายเต๋าสวรรค์ที่อยู่ด้านซ้ายของหลี่ฉีเย่ยกธงโบราณขึ้น มีอำนาจของฟินิกซ์และมังกรหยุดยั้งหนวดเหล่านี้ อีกด้านหนึ่ง หลานอวิ๋นจูที่อยู่ด้านขวาเพียงคำราม นางนั้นไม่ได้ลงมือๆ แต่ดวงดาราที่ล้อมรอบร่างกายนางทำลายหมอกโลหิตไป
ขณะที่ทั้งสองคนลงมือหลี่ฉีเย่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง เมือเขาเดินขึ้นมาเขาก็หลับตาและคำนวนเส้นทางการเดินของเมฆเหล่านี้
หลานอวิ๋นจูและผู้ทำนายเต๋าไม่รู้ว่าหลี่ฉีเย่กำลังทำสิ่งใด ทว่าพวกเขาก็ยังระมัดระวังอย่างมากเพราะหมอกโลหิตนั้นปรากฏออกมาไม่หยุด
ทั้งสามนั้นขี่เมฆโลหิตไกลออกไปและพวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีเมฆอีกหลายก้อนที่กำลังเรียงกันและสร้างเป็นแม่น้ำเลือดไหลเขาสู้พื้นที่ขนาดใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าแม่น้ำเลือดนี้อยู่มานานเท่าไหร่ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเมฆของแต่ละคนจะบินไปในทิศทางที่ต่างกัน ! จากตรงนี้ไป เมฆแต่ละก้อนจะเคลื่อนไหวกระจายตัวออกไปราวกับเรือแล่นออกจากมหาสมุทร
ผู้ฝึกตนที่ขี่เมฆไม่สาามารถเปลี่ยนเส้นทางของมันได้ แม้แต่กระทั้งตัวตนที่แข็งแกร่งก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้
หลังจากเห้นการเดินทางไปยังทิศทางที่ต่างกัน หลานอวิ๋นจูและผู้ทำนายเต๋าก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมหลี่ฉีเย่จึงเลือกเมฆก้อนนั้นให้กับนิกายพันแม่น้ำหวน
" เป็นว่าเมฆเหล่านี้จะบินไปยังทิศทางที่ต่างกัน " ผู้ทำนายเต๋าสวรรค์พึมพำอย่างเงียบๆ ขณะที่ทั้งสามกำลังลอยไปยังปลายทางที่ไม่รู้จัก
เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง มันไม่มีเมฆก้อนอื่นอยู่รอบตัวพวกเขา เมฆของพวกเขาลอยอยู่ในความว่างเปล่าเหมือนเป็นเรือลำเดียวในมหาสมุทร นี้ทำให้ผู้คนกังวลว่าจะมีอะไรมาโจมตีพวกเขาหรือไม่
" แน่นอน พวกมันไม่ได้บินไปยังปลายทางเดียวกัน เมฆแต่ละก้อนนั้นมีจุดหมายและจุดหมายของมันจะมอบการสร้างใหม่ให้กับบุคคล ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ มันถูกตัดสินตั้งแต่พวกเขาเลือกก้อนเมฆแล้ว " หลี่ฉีเย่อธิบายขณะปิดสายตาและคำนวนการเคลื่อนไหวของเมฆ...
ทว่ามันไม่ได้มีสุสานหรือแม้กระทั้งโลงศพที่ถูกฝั่งอยู่ใต้ดินแต่อย่างไร มันไม่มีอะไรเหมือนในจินตนาการของพวกเขา และมีเพียงความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
" นี้...นี้คือหลุมฝังศพแห่งลางร้าย ? " บางคนเอ่ยถามด้วยความผิดหวังขณะยืนอยู่ด้านหน้าความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
" นี้คือทั้งหมดของพวกมัน ? " อีกคนอดไม่ได้ที่จะบ่น
" บางที่นี้อาจจะเป็นเพียงทางเข้าและยังมีสถานที่อื่นๆอยู่ในนี้อีก " ผู้นำนิกายจากนิกายทรงอำนาจเอ่ย " มา พวกเราไปตสำรวจมันกัน " จากนั้นเขาก็นำเรือบินออกมาาและบินเข้าสู่ความว่างเปล่า
ทว่าเรื่องที่น่ากลัวก็ได้เกิดขึ้น ขณะที่เรือบินลอยออกไปในอากาศมันดูเหมือนจะสูญเสียพลังและตกลงหุบเหวลึกด้านล่าง
" อ้ากกก ! " เสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านล่าง เรือนี้แบกผู้เชียวชาญมากกว่าร้อยคนดังนั้นการจกอย่างฉับพลันทำให้ทุกคนตกตะลึง ปฏิกิริยาของผู้เชียวชาญทุกคนคือการบินออกจากเรือ
ทว่าผลของมันก็ยังเหมือนเดิม พวกเขานั้นไม่สามารถบินได้ ในสถานที่แห่งนี้ผู้ฝึกตนทั้งหมดถูกผนึกความสามารถในการบิน ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้ทักษะหรือสมบัติใดๆ เมื่อกระโดดขึ้นไปบนอากาศพวกเขาจะตกลงไปด้านล่าง
ผู้ฝึกตนหลายคนหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจขณะได้ยินเสียงร้องที่สยดสยองที่ดังไปทั่วอากาศ ทุกคนได้เห็นผู้เชียวชาญเหล่านี้ตกลงไปยังเหวด้านล่าง มันเป็นเหวไร้ที่สิ้นสุดและนำไปสู่ปลายทางที่ไม่รู้จัก
หลังจากเห็นฉากนี้ทุกคนกลายเป็นตกตะลึง บางคนตะโกน " นี้...มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! " มันมีบางผู้ฝึกตนและนิกายที่ต้องการจะบิน แต่พวกเขาก็ระงับมันในทันทีและสั่นอย่างเงียบๆ
ขุนนางจากประเทศทรงอำนาจ หน้าซีดและตะโกนด้วยความไม่เต็มใจ " เป็นไปไม่ได้ ! แม้แต่องค์รักษ์เทพสวรรค์ก็ยังไม่สามารถบินได้ ! "
ควรจะรู้ไว้ว่ายิ่งระดับสูงขึ้นผู้ฝึกตนสามารถบินได้สูงหรือทะยานข้ามเครื่องบินได้ - นี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าจู่ๆผู้ฝึกตนไม่สามารถบินได้ นี้จะเป็นปัญหาขนาดใหญ่สำหรับทุกคน
" นี้เป็นเขตแห่งความว่างเปล่า แม้แต่บรรพชนเที่ยงธรรมก็ยังตกลงและพินาศหากจะบิน " ภายในภูเขาบรรพชนเสียงโบราณดังออกมา
ผู้คนสั่นสะท้านหลังจากได้ยินเสียงนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเขตแห่งความว่างเปล่าคืออะไร แต่กระทั้งบรรพชนเที่ยงธรรมก็ยังไม่สามารถหนีจากความตายได้ เช่นนั้นพวกเขาก็เข้าใจความน่ากลัวของเขตแห่งความว่างเปล่าแล้ว
" นั้น...ตรงนั้นมันคืออะไร ? " บางคนสังเกตเห็นและชี้ไปยังสิ่งที่อยู่ห่างไกลและถามอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินคำถถามนี้ทุกคนจ้องไปยังขอบฟ้าและสังเกตเห็นกลุ่มเมฆสีแดงขนาดยักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามา เมฆสีแดงเหล่านี้นั้นเหมือนเลือด มันอาจจะกล่าวได้ว่ามันเกิดมาจากเลือด พวกมันสร้างเป็นแม่น้ำโลหิตลวงตาจากระยะไกล
พริบตา เมฆโลหิตเหล่านั้นก็มาถึงหน้าผา เมื่อเมฆเหล่านั้นแตะที่หน้าผาหินมันทันใดนั้นก็กระดอนไปทางอื่น เมฆโลหิตก้อนอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน
" สิ่งเหล่านี้คือเมฆศพโลหิตในตำนาน " เสียงที่โบราณดังออกมาจากต้นไม้ล้ำค่า ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนพูด
เมื่อกลุ่มของเมฆสีแดงลอยมาถึงหน้าผา ต้นไม้ล้ำค่าทันใดนั้นก็ลอยขึ้นไปบนเมฆ เมฆเหล่านี้คอยๆปลดปล่อยหนวดโลหิตนับไม่ถ้วนเพื่อเจาะกินต้นไม้เหล่านี้ แต่ไฟอมตะจากต้นไม้สาดลงมาหยุดหนวดโลหิตพวกนี้
ภายใต้การจ้องมองที่ตื่นตระหนกของทุกคน ต้นไม้ล้ำค่าได้ขี่เมฆโลหิตเหล่านี้จากไปไกล - ไปยังสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก
หลังจากเห็นเขาทำสำเร็จทุกคนก็ตระหนักได้ทันที " พวกเราต้องขี่เมฆเหล่านี้ไป ! "
ในเวลานี้ฝูงของผู้ฝึกตนได้กระโดดขึ้นไปยังเมฆโลหิตที่อยู่ใกล้ๆ เมฆโลหิตจู่ๆก็สั่นไหวก่อนจะปลดปล่อยหมอกพร้อมกับหนวดโลหิตไปยังผู้ฝึกตน ผู้ฝึกตนทันใดนั้นก็ถูกขังไว้ภายในทันที
" อ้ากก ! " ผู้ฝึกตนทันใดนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นหมอกเลือดโดยไม่เหลือกระดูกไว้ในทันที
หลังจากเห็นฉากนี้ เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลือต่างตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย เมฆโลหิตเหล่านี้ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง
" ตูม ! " ภูเขาบรรพชนลอยขึ้นไปขี่ยังเมฆโลหิตและกวาดผ่านอันตรายจากก้อนเมฆเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว
ถัดมาเป็นไปตามที่เหมาะสม ยอดยุคอาณาจักรโบราณ , ปรมจารย์หยินหยาง , ดินแดนเล็บจันทร์เสี้ยวศักดิ์สิทธิ์...เหล่าขุมอำนาจล้วนกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆและปิดกั้นอันตรายจากเมฆได้อย่างง่ายดาย
หลังจากเห็นนิกายทรงอำนาจประสบความสำเร็จ เหล่าขุมอำนาจขนาดเล็กก็ไม่ต้องการจะอ่อยอิ่งอยู่นาน พวกเขากระโดดขึ้นไปบนเมฆทันที
" พวกเราไป ! " บางนิกายและผู้ฝึกตนประสบความสำเร็จจากการใช้สมบัติหรือทักษะเอาชีวิตรอดจากหมอกโลหิต ทว่าคนที่ล้มเหลวทำได้เพียงกรีดร้องและกลายเป็นไอเลือด
" พวกเราจะต้องร่วมมือกัน " ทันใดนั้นกลุ่มเล็กๆหลายกลุ่มก็ได้หันมาร่วมมือกันและขึ้นไปขี่เมฆโลหิต
หลี่ฉีเย่เป็นคนเปิดหลุมฝังศพแต่เขาไม่ได้รีบร้อนและทำเพียงหัวเราะเมื่อเห็นเหล่าคนที่กำลังขี่เมฆออกไป
" ผู้นำนิกาย ท่านนำทุกคนไปยังกลุ่มเมฆก้อนนั้น " หลี่ฉีเย่บอกกับเต๋าเบ่ากุ้ย
" แล้วพวกเจ้า ? " เต๋าเบ่ากุ้ยเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่าหลี่ฉีเย่นั้นมีเหตุผลที่เลือกก้อนนั้นให้กับพวกเขา
หลี่ฉีเย่เอ่ย " อวิ๋นจูและผู้ทำนายเต๋าสวรรค์จะไปกับข้า " แม้ว่าเขาจะเอ่ย แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เมฆโลหิตและนับมันอย่างเงียบๆ
หลังจากเห็นการตัดสินใจของหลี่ฉีเย่ เต๋าเบ่ากุ้ยตะโกนก่อนจะเรียกปลาขนาดมหึมาออกมาและแบกผู้อาวุโสทั้งกลุ่มไป ปลาขนาดใหญ่นี้สามารถทำลายอันตรายของเมฆโลหิตได้อย่างง่ายดายและพาพวกเขาออกไปไกล
นิกายอื่นๆและผู้ฝึกตน ไม่มีใครกล้าที่จะแย่งก้อนเมฆก้อนนั้นกับนิกายพันแม่น้ำหวน
หลังจากเห็นผู้อาวุโสของนิกายพันแม่น้ำออกไปไกลแล้ว หลานอวิ๋นจูเอ่ยถาม " พวกเราจะไปเลยหรือไม่ ? "
" ยังไม่ต้อง " หลี่ฉีเย่ยังคงจ้องไปยังก้อนเมฆและคำนวนในใจ
ไม่นานหลังจากผู้ฝึกตนเหลือน้อยลงเรื่อยๆ หลายนิกายและผู้ฝึกตนประสบความสำเร็จในการขี่เมฆเหล่านี้ออกไป บรรดานิกายที่อ่อนแอก็สามารถขี่เมฆออกไปได้จากการร่วมมือกันและกลายเป็นมีความสุข ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าไปในสุสานและวิธิการเป็นิรันดร์ก็รอพวกเขาอยู่
ขณะที่ฝูงชนเริ่มลดลง หลี่ฉีเย่สุดท้ายก็เลือกกลุ่มของก้อนเมฆหลังจากที่รอมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นก้อนเมฆเข้ามาใกล้ๆ หลี่ฉีเย่บอกกับผู้ทำนายเต๋าและหลานอวิ๋นจู อย่างจริงจัง " เตรียมตัวให้พร้อม พวกเจ้าทั้งสองต้องหยุดหมอกโลหิตและฟังคำสั่งของข้า "
ผู้ทำนายเต๋าสวรรค์และหลานอวิ๋นจูไม่รู้ความลึกลับภายในเมฆเหล่านี้ แต่พวกเขาทั้งสองก็สูดลมหายใจลึกและไม่กล้าที่จะประมาทขณะที่จ้องมองพวกมัน
เมื่อเมฆขยับเข้ามาใกล้ หลี่ฉีเย่ดึงทั้งสองและตะโกน " กระโดด ! " เขาจากนั้นก็ลากทั้งสองไปยังเมฆโลหิต
ช่วงเวลาที่พวกเขากระโดดขึ้นเมฆโลหิต หมกอโลหิตและหนวดโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ผู้ทำนายเต๋าสวรรค์ที่อยู่ด้านซ้ายของหลี่ฉีเย่ยกธงโบราณขึ้น มีอำนาจของฟินิกซ์และมังกรหยุดยั้งหนวดเหล่านี้ อีกด้านหนึ่ง หลานอวิ๋นจูที่อยู่ด้านขวาเพียงคำราม นางนั้นไม่ได้ลงมือๆ แต่ดวงดาราที่ล้อมรอบร่างกายนางทำลายหมอกโลหิตไป
ขณะที่ทั้งสองคนลงมือหลี่ฉีเย่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง เมือเขาเดินขึ้นมาเขาก็หลับตาและคำนวนเส้นทางการเดินของเมฆเหล่านี้
หลานอวิ๋นจูและผู้ทำนายเต๋าไม่รู้ว่าหลี่ฉีเย่กำลังทำสิ่งใด ทว่าพวกเขาก็ยังระมัดระวังอย่างมากเพราะหมอกโลหิตนั้นปรากฏออกมาไม่หยุด
ทั้งสามนั้นขี่เมฆโลหิตไกลออกไปและพวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีเมฆอีกหลายก้อนที่กำลังเรียงกันและสร้างเป็นแม่น้ำเลือดไหลเขาสู้พื้นที่ขนาดใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าแม่น้ำเลือดนี้อยู่มานานเท่าไหร่ แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเมฆของแต่ละคนจะบินไปในทิศทางที่ต่างกัน ! จากตรงนี้ไป เมฆแต่ละก้อนจะเคลื่อนไหวกระจายตัวออกไปราวกับเรือแล่นออกจากมหาสมุทร
ผู้ฝึกตนที่ขี่เมฆไม่สาามารถเปลี่ยนเส้นทางของมันได้ แม้แต่กระทั้งตัวตนที่แข็งแกร่งก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้
หลังจากเห้นการเดินทางไปยังทิศทางที่ต่างกัน หลานอวิ๋นจูและผู้ทำนายเต๋าก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมหลี่ฉีเย่จึงเลือกเมฆก้อนนั้นให้กับนิกายพันแม่น้ำหวน
" เป็นว่าเมฆเหล่านี้จะบินไปยังทิศทางที่ต่างกัน " ผู้ทำนายเต๋าสวรรค์พึมพำอย่างเงียบๆ ขณะที่ทั้งสามกำลังลอยไปยังปลายทางที่ไม่รู้จัก
เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง มันไม่มีเมฆก้อนอื่นอยู่รอบตัวพวกเขา เมฆของพวกเขาลอยอยู่ในความว่างเปล่าเหมือนเป็นเรือลำเดียวในมหาสมุทร นี้ทำให้ผู้คนกังวลว่าจะมีอะไรมาโจมตีพวกเขาหรือไม่
" แน่นอน พวกมันไม่ได้บินไปยังปลายทางเดียวกัน เมฆแต่ละก้อนนั้นมีจุดหมายและจุดหมายของมันจะมอบการสร้างใหม่ให้กับบุคคล ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ มันถูกตัดสินตั้งแต่พวกเขาเลือกก้อนเมฆแล้ว " หลี่ฉีเย่อธิบายขณะปิดสายตาและคำนวนการเคลื่อนไหวของเมฆ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น